การวัดระดับความฉลาด 3 ประการที่นักเรียนจำเป็นต้องมีทุกคน
หากลองสังเกตคำขวัญของสถานศึกษาส่วนใหญ่จะพบว่า เป็นการมุ่งเน้นการผลิตนักเรียน นักศึกษาที่มีความฉลาดและคุณธรรมควบคู่กันไป
ซึ่งสอดคล้องกับ การวัดระดับความฉลาด 3 ประการที่นักเรียน นักศึกษาในยุคนี้ซึ่งสังคมกำหนดว่าพึงมี ทำเพื่อเข้าใจศักยภาพของแต่ละบุคคล
โดยมีจุดประสงค์คือการส่งเสริมศักยภาพที่โดดเด่นของแต่ละบุคคลให้แข็งแกร่งขึ้น และเป็นสิ่งที่นักเรียนและนักศึกษาพึงมีให้ครบถ้วน เพื่อให้การเรียนมีประสิทธิภาพ รวมถึงการดำเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขด้วย มาดูว่ามีอะไรบ้าง

การวัดระดับความฉลาด ที่ปัจจุบันได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุด
การวัดระดับความฉลาด ระดับแรกที่อยากแนะนำ ก็คือ ระดับไอคิว หรือ IQ หรือ Intelligence Quotient ไอคิวคือการวัดความฉลาดของระดับสติปัญญา ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมและเชื่อถือมากที่สุดจากทั่วโลก โดยใช้ข้อสอบหรือ IQ Test

เพื่อวัดระดับในส่วนของความคิดความเข้าใจ ความจำในระยะสั้น ความสนใจ การคิดคำนวณ ความคิดที่เป็นนามธรรม
โดยการหาความสัมพันธ์ของสัญลักษณ์และตัวเลข การเรียงลำดับเหตุการณ์หรือภาพต่างๆ การต่อภาพเป็นรูป การต่อภาพที่หายไป การใช้คำที่เกี่ยวกับภาษา และความรู้รอบตัว เป็นต้น มีการแบ่งระดับสติปัญญาด้วยคะแนนที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ระดับสติปัญญา คือ ปัญญาอ่อน (ทำคะแนนได้ต่ำกว่า 70 คะแนน)
- ระดับสติปัญญา คือ คาบเส้นปัญญาอ่อน (ทำคะแนนได้ 70 – 79 คะแนน)
- ระดับสติปัญญา คือ ต่ำกว่าระดับปกติ (ทำคะแนนได้ 80 – 89 คะแนน)
- ระดับสติปัญญา คือ ปกติหรือฉลาดปานกลาง (ทำคะแนนได้ 90 – 109 คะแนน)
- ระดับสติปัญญา คือ ฉลาดกว่าปกติ (ทำคะแนนได้ 110 – 119 คะแนน)
- ระดับสติปัญญา คือ ฉลาดมาก (ทำคะแนนได้ 120 – 139 คะแนน)
- ระดับสติปัญญา คือ ฉลาดมากที่สุดหรือเรียกว่าอัจฉริยะ (ทำคะแนนได้มากกว่า 140 คะแนน)

การวัดระดับความฉลาด ระดับที่สองที่อยากแนะนำ ก็คือ ระดับอีคิว หรือ EQ หรือ Emotional Quotient อีคิวคือความฉลาดทางอารมณ์ พูดง่ายๆ คือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตนเองรวมถึงบุคลิกภาพที่แสดงออกมา
ซึ่งประกอบไปด้วยความเข้าใจในตัวเอง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ การสร้างแรงจูงใจแก่ตัวเอง ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
ซึ่งจากการวิจัยระบุว่าผู้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตและมีความสุขได้ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนหรือการทำงาน ต้องมีไอคิวและอีคิวสูงควบคู่กันไป

การวัดระดับความฉลาด ระดับที่สามที่อยากแนะนำ ก็คือ ระดับเอ็มคิว หรือ MQ หรือ Moral Quotient เอ็มคิวคือความฉลาดทางจริยธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับความฉลาด 3 ประการที่จะขาดเสียมิได้ อธิบายง่ายๆ ว่าระดับศีลธรรมหรือความดีงามของจิตใจก็ได้ ซึ่งมีหลักการว่าความฉลาดทางจริยธรรมไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการอบรมสั่งสอน การฝึกฝน และสิ่งแวดล้อมที่บุคคลนั้นๆ เติบโตมา
ติดตามข่าวสาร เว็บไซต์การศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณรู้เรื่องการศึกษาอย่างรอบด้าน
- การเตรียมตัวสอบ เพื่อพิชิตเป้าหมายและความฝันให้เป็นจริง
- การเรียนภาษา อย่างไรไม่ต้องเก็บเข้ากรุ สามารถนำมาใช้งานได้จริง
- เทคนิค การพิชิตภาษาไทย การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยให้เด็กสนุกมากยิ่งขึ้น
- เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน ให้เป็นนักอ่านขั้นเทพ อ่านแล้วไม่ใช่แค่จำแต่รู้จักคิดวิเคราะห์ได้ลึกซึ้ง
รวบรวมเว็บไซต์ข่าวการศึกษาไทย ที่มีข่าวการสอบและทุนการศึกษาต่างๆ รวมถึงเทคนิคการอ่านหนังสือขั้นเทพมาให้คุณที่ arab-games.net และถ้าคุณอยู่บ้านเบื่อๆอยากหาเกมสนุกๆที่จะมาท้าทายความมันส์ ขอแนะนำ สล็อต เกมส์ ไหนดี อีกหนึ่งเว็บไซต์ที่จะมาสร้างความเพลิกเพลินให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
การเรียน รูปแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นในการศึกษาปี 2021 มีอะไรบ้าง
เพราะโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเรียน การศึกษาในปัจจุบัน จึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในปีสองปีที่ผ่านมาซึ่งโควิดระบาด
วันนี้ขอแนะนำ การเรียนรูปแบบใหม่ โดยการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา จึงเปลี่ยนแปลงจากหน้ากระดานมาเป็นหน้าจอแทน… มาดูกันว่าปีนี้โลกการศึกษาก้าวไกลไปถึงไหนแล้ว

การเรียน รูปแบบใหม่ เป็นการเรียนรู้ที่ช่วยเปิดโลกทรรศน์ให้ผู้เรียนได้

การเรียนรูปแบบใหม่ รูปแบบแรกที่อยากแนะนำ ก็คือ การเรียนออนไลน์เป็นการเรียนรู้ที่เรียกว่า Online schooling
หรือการเรียนออนไลน์ที่เป็นผลพวงมาจากโควิด ซึ่งช่วยเปิดโลกทรรศน์ใหม่ว่าเราสามารถเรียนได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีรองรับ

การเรียนรูปแบบใหม่ รูปแบบที่สองที่อยากแนะนำ ก็คือ E – leaning เป็นการเรียนรู้ที่เรียกว่า Nanolearning โดยผ่าน E – leaning
ซึ่งปฏิวัติความเชื่อการศึกษาในยุคเก่าที่โปรแกรมเด็กว่ายิ่งใช้เวลานานในการเรียนเท่าไร ความรู้ความเข้าใจยิ่งแน่นปึ๊ก เนื่องจากปัจจุบันโลกไซเบอร์มีข้อมูลข่าวสารมากมายอัดแน่นให้เสพ การใช้เวลากับข้อมูลข่าวสารแต่ละอย่างจึงต้องกระชับรวดเร็ว
การเรียนรู้ด้วยคลิปสั้นๆ จึงถูกนำมาใช้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สร้างความสนใจ และเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ได้ดีขึ้น

การเรียนรูปแบบใหม่ รูปแบบที่สามที่อยากแนะนำ ก็คือ เรียนรู้จากโครงงาน หรือเรียกว่า Project – based learning ซึ่งการศึกษายุคเก่าอาจเน้นการบ้านและการสอบเพื่อวัดความรู้ความเข้าใจของเด็ก
แต่การศึกษายุคใหม่จะเน้นการเรียนรู้จากโครงงานเพื่อพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นวิชาใด รวมถึงการประกอบอาชีพในอนาคต เช่น การสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ การมีความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นกลุ่ม

การเรียนรูปแบบใหม่ รูปแบบที่สี่ที่อยากแนะนำ ก็คือ เรียกว่า Virtual reality and augmented reality หรือ VR and AR สนุกไปกับโลกเสมือนจริง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการศึกษายุคใหม่ที่ล้ำมาก มีรายละเอียด ดังนี้
- VR เมื่อก่อนอาจต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงแต่ปัจจุบันมี Google Cardboard มาเป็นตัวเลือกที่ทำให้ใครๆ ก็เข้าถึงได้
- AR อาศัยเพียงสมาร์ตโฟนหรือแท็บเลตเป็นอุปกรณ์ในการเรียนรู้ ทำให้ได้รับประสบการณ์ท่องโลกแบบเสมือนจริงแม้อยู่ในห้องเรียน โดยอาศัยอุปกรณ์ไฮเทคที่ทำให้ผู้เรียนเห็นภาพเสมือนจริง (ภาพสามมิติ) ส่งผลให้การเรียนรู้สนุกแบบสมจริงยิ่งขึ้น

การเรียนรูปแบบใหม่ รูปแบบที่ห้าที่อยากแนะนำ ก็คือ เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง หรือ Experiential learning ความที่โลกแคบลงจากคุณของโลกโซเชียล การเรียนรู้ของเด็กจึงกว้างขวางขึ้น แต่พบว่าประสบการณ์ตรงกลับลดน้อยถอยลง เช่น เด็กอาจเรียนรู้เรื่องสัตว์ชนิดต่างๆ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์แต่ไม่เคยไปสวนสัตว์ เจอสัตว์ตัวเป็นๆ แม้สักครั้ง
การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจึงตอบโจทย์การศึกษายุคใหม่มากที่สุด ซึ่งแตกต่างไปจากเมื่อก่อนที่นิยมสร้างประสบการณ์ตรงด้วยการพาเด็กไปทัศนศึกษาตามสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ วัด วัง โดยจะสร้างกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เด็กมีประสบการณ์ตรงแทน
ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณถึงที่ในเว็บไซต์นี้
- การบูลลี่ คืออะไร? มาทำความเข้าใจเพื่อลดการบูลลี่ในสังคมไทยกัน
- ปัญหาด้านการเรียน ที่เรียนไม่เข้าใจ หาสาเหตุเพื่อแก้ไขให้เรียนเก่งขึ้น
- การสอบ ที่เหลือเวลาเพียงแค่วันเดียว ควรเตรียมตัวกับการสอบอย่างไรดี
- ผ่อนคลายสมองช่วงสอบ ด้วย สารอาหารบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ กระตุ้นให้สดชื่นแจ่มใส
เพราะโลกแห่งการศึกษามีความสำคัญมาก เว็บไซต์ arab-games.net มีข้อมูลข่าวการศึกษาของไทย การศึกษาต่อ และการสอบในระดับต่างๆ และถ้าคุณอยากเล่นเกมสนุกๆ เราขอแนะนำ เว็บไซต์เดิมพันยอดฮิตที่มีเกมมาให้คุณเลือกเล่นมากมาย เข้ามาที่ เทคนิคแทงบอลออนไลน์
มาเจาะลึกในรายละเอียดที่น่าสนใจของ Moral Quotient กันเถอะ
คนทั่วไปมักได้ยินแต่คำว่า “ไอคิว” และ “อีคิว” ส่วน “Moral Quotient” นั้นอาจไม่ค่อยคุ้นหูนัก ทั้งที่ความจริงแล้วเอ็มคิวคือส่วนสำคัญของชีวิตที่สามารถชี้วัดระดับความสุขและความสำเร็จแก่บุคคลได้ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียนหรือวัยทำงานก็ตาม
ดังนั้นวันนี้เราจะมาเจาะลึกให้ถึงแก่นของ Moral Quotient ว่ามีความสำคัญกับระบบของการศึกษาไทยอย่างไร ติดตามกันได้เลย

Moral Quotient ความฉลาดทางจริยธรรม ในด้านศีลธรรมของแต่ละบุคคล
เอ็มคิว หรือ MQ หรือ Moral Quotient คิดค้นโดยจิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชื่อดังนามว่า ดร. โรเบิร์ต โคลส์
ซึ่งเขามีแนวคิดว่าควรแยกจริยธรรมออกจากอีคิว เนื่องจากเห็นว่าพัฒนาการต่างๆ ล้วนมีอิสระต่อกัน ไม่ได้ยึดโยงหรือพัฒนาร่วมกันไปในระดับใกล้เคียงกันเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น คนที่ฉลาดเรียนเก่ง (ไอคิวสูง) ก็อาจเข้าสังคมไม่เป็น (อีคิวต่ำ)

ซึ่ง Moral Quotient ก็คือความฉลาดทางจริยธรรม เป็นความคิดในด้านศีลธรรมของแต่ละบุคคล พูดง่ายๆ คือระดับจิตใจของมนุษย์นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันสังคมมักมองข้ามด้วยให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกหรือวัตถุมากกว่า
Moral Quotient ที่ดีต้องมีควบคู่ไปกับสิ่งเหล่านี้ด้วย หากบุคคลใดมีเอ็มคิว ไอคิว (ความฉลาดทางสติปัญญา) และอีคิว (ความฉลาดทางอารมณ์) ควบคู่กันไปในระดับสูง ทำกิจกรรมใดก็ง่ายที่จะประสบความสำเร็จ
และสำหรับนักเรียน นักศึกษา หากพิจารณาแล้วเอ็มคิวก็คือความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ รู้ถูกรู้ผิด ซึ่งคนเรียนเก่งก็คือคนที่รู้ว่าควรรักเรียนและทำสิ่งดีๆ เพื่อให้ตนเรียนดีขึ้นไปเรื่อยๆ อาทิ ขยัน มีวินัย และซื่อสัตย์กับตนเอง
เมื่อระดับ Moral Quotient ไอคิว และอีคิว แตกต่างกันจะเป็นอย่างไร?

ขอแจกแจงบุคคล 8 ประเภทโดยใช้เกณฑ์จากระดับความฉลาด 3 ประการ ดังนี้ (ในส่วนนี้ขอชูประเด็นเอ็มคิวเป็นหลัก)
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวสูง ไอคิวสูง และอีคิวสูง มีลักษณะ คือ มีความสมบูรณ์แบบของระดับสติปัญญา อารมณ์ และจิตใจ ซึ่งหาได้ยากยิ่ง
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวต่ำ ไอคิวสูง และอีคิวสูง มีลักษณะ คือ ฉลาดมาก รู้จักการวางตัวหรือแสดงออก แต่ไม่ซื่อสัตย์
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวสูง ไอคิวสูง และอีคิวต่ำ มีลักษณะ คือ ฉลาดมาก จิตใจดี แต่อารมณ์อ่อนไหว ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวสูง ไอคิวต่ำ และอีคิวสูง มีลักษณะ คือ ไม่ฉลาดนัก แต่จิตใจดีและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวสูง ไอคิวต่ำ และอีคิวต่ำ มีลักษณะ คือ อาจไม่ฉลาด อารมณ์ร้อน แต่ไม่มีพิษภัยกับใคร
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวต่ำ ไอคิวต่ำ และอีคิวสูง มีลักษณะ คือ อารมณ์เย็น แต่ไม่ฉลาดนักและไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวต่ำ ไอคิวสูง และอีคิวต่ำ มีลักษณะ คือ ฉลาดมาก แต่อารมณ์รุนแรงและไม่รู้ถูกผิด
- บุคคลที่มีระดับเอ็มคิวต่ำ ไอคิวต่ำ และอีคิวต่ำ มีลักษณะ คือ ไม่ฉลาดแล้วยังควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจผิดชอบชั่วดีอีกด้วย
ติดตามข่าวสาร เว็บไซต์การศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณรู้เรื่องการศึกษาอย่างรอบด้าน
- สังคมมหาวิทยาลัย อีกหนึ่งภาระที่เด็กใหม่ต้องแบกรับ
- การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทยในยุคปัจจุบัน
- เคล็ดลับการเรียนเก่ง ขั้นเทพ ทำได้ทุกคน และเห็นผลทันตา!!
- เด็กหัวช้า แล้วยังมีนิสัยขี้เกียจ ควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรดี
เพราะเว็บไซต์ arab-games.net ที่รวบรวมข่าวการศึกษารอบด้าน มาให้คุณทั้งเรื่องระบบการศึกษาไทย ข่าวของนักเรียนในการศึกษาต่อทั้งในระดับประถม มัธยม และมหาลัย……และถ้าคุณอยู่บ้านเหงาๆและอยากเล่นเกมออนไลน์ที่สนุกๆแถมมีรายได้เข้ากระเป๋าอีกด้วย กดเข้ามาที่ ufabet123 เว็บไซต์เกมออนไลน์ที่มีผู้เล่นเป็นจำนวนมาก
เจาะลึกรายละเอียด การศึกษายุคใหม่ ที่คนรักการเรียนรู้ต้องไม่พลาด
ขอนำเสนอรายละเอียดลึกๆ ที่น่าสนใจของการศึกษายุคใหม่ในปี 2021 นี้ ที่จะทำให้การเรียน การศึกษา เปลี่ยนโฉมหน้าและพัฒนาไปอย่างยั่งยืน
วันนี้ ขอแนะนำ การศึกษายุคใหม่ ที่จะทำให้คุณได้เข้าใจการศึกษา และมีส่วนช่วยให้การศึกษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

การศึกษายุคใหม่ ที่ต้องเน้นผู้เรียนให้ได้ความรู้อย่างแท้จริง
การศึกษายุคใหม่ ขอแนะนำแนวคิดแรกที่น่าสนใจ ก็คือ Online schooling คือการเรียนออนไลน์ มีรายละเอียด ดังนี้
- ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่ไม่ซับซ้อนแต่ได้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ที่คุ้มค่ามาก
- เป็นการศึกษายุคใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูง เนื่องจากผู้เรียนสามารถจัดตารางเรียน ทบทวนเนื้อหาด้วยตัวเองได้
- ทำให้จากเดิมผู้เรียนหลายกลุ่มที่เข้าไม่ถึงการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ได้มีคุณภาพชีวิตด้านนี้ดีขึ้น

การศึกษายุคใหม่ ขอแนะนำแนวคิดที่สองที่น่าสนใจ ก็คือ Nanolearning คือการเรียนรู้จากคลิปสั้นๆ ที่มีรายละเอียดน่าสนใจ ได้แก่
- ความยาวของคลิปสั้นมาก ประมาณ 2 – 5 นาทีเท่านั้น
- มีหลักการง่ายๆ คือ ให้ข้อมูลความรู้ในปริมาณที่น้อยลงและในเวลาที่สั้นลงด้วย
- มีรูปแบบการนำเสนอให้เลือกมากมาย เช่น วิดีโอ พ็อตคาสต์ (รายการเผยแพร่เสียงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ) และแอพพลิเคชั่น
- มีเข้าความเข้าใจในความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง

การศึกษายุคใหม่ ขอแนะนำแนวคิดที่สามที่น่าสนใจ ก็คือ Project – based learning คือ การศึกษายุคใหม่ในรูปแบบการเรียนรู้ผ่านการทำโครงงาน
- โครงงานก็คือการศึกษาในหัวข้อหรือเรื่องต่างๆ ที่ผู้เรียนต้องค้นคว้าและปฏิบัติเอง โดยมีครูอาจารย์ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวก
- วิธีการคร่าวๆ ของการเรียนรู้ผ่านการทำโครงงาน ได้แก่ การแบ่งกลุ่มผู้เรียนย่อยๆ ในห้องเรียนประมาณ 4 – 5 กลุ่ม เปิดโอกาสให้ผู้เรียนช่วยกันระดมความคิดในการทำโครงงาน เลือกหัวข้อโครงงาน ค้นคว้าข้อมูลโครงงาน และนำเสนอโครงงานทั้งหน้าชั้นเรียนและในรูปแบบดิจิทัล

การศึกษายุคใหม่ ขอแนะนำแนวคิดที่สี่ที่น่าสนใจ ก็คือ Virtual reality (Vr) and augmented reality (Ar) คือ การศึกษายุคใหม่ในรูปแบบการเรียนรู้เสมือนจริง มีรายละเอียด ดังนี้
- ผู้เรียนสนุกสนานเพราะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับภาพและเสียงแบบสามมิติที่เสมือนจริงมาก
- Vr เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับผู้เรียนซึ่งต้องการฝึกฝนเฉพาะภาษาต่างประเทศที่ตนสนใจเท่านั้น
- Vr และ Ar เป็นเทคโนโลยีที่ดีต่อผู้เรียนในอนาคตซึ่งต้องการศึกษาข้อมูลอาชีพที่ตนสนใจ เช่น ทำให้เห็นภาพเสมือนจริงอย่างเจาะลึกโดยละเอียดของการฝึกฝนอาชีพต่างๆ เช่น การแพทย์ การทหาร เรียกว่าเหมือนผู้เรียนได้รับการฝึกฝนจริงๆ
- ช่วยย่อโลกใบใหญ่ให้อยู่บนจอเล็กๆ ทำให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์เสมือนจริงที่สุด เหมือนได้ไปเรียนรู้ตามสถานที่น่าสนใจต่างๆ ด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ พระราชวังต่างๆ จึงลดปัญหาการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยจากโรคติดต่อ

การศึกษายุคใหม่ ขอแนะนำแนวคิดที่ห้าที่น่าสนใจ ก็คือ Experiential learning คือ การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง มีรายละเอียดที่น่าสนใจ 3 ประการ ได้แก่
- การทำกิจกรรมภาคสนามซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลที่ได้จากแบบสำรวจหรือแบบสอบถามแล้วมานำเสนอหน้าชั้น
- การทำกิจกรรมร่วมกันโดยเน้นให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
- การแสดงบทบาทสมมติที่ให้ผู้เรียนจำลองสถานการณ์เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมต่างๆ เป็นการศึกษายุคใหม่ที่ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้นด้วย
ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณถึงที่ในเว็บไซต์นี้
- เว็บไซต์เรียนออนไลน์ เรียนฟรีช่วยเสริมทักษะ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้
- Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ที่ไม่ยากเกินเอื้อม
- การเรียนภาษา อย่างไรไม่ต้องเก็บเข้ากรุ สามารถนำมาใช้งานได้จริง
- แนวโน้มในเรื่องของการศึกษา คิดอย่างไรกับ การศึกษาของไทยใน ปัจจุบัน
หากคุณได้ติดตามข้อมูลข่าวแวดวงด้านการศึกษาไทยแล้ว เรายังมีข้อมูลด้านการเรียนศึกษาต่อในระดับต่างๆ เข้ามาติดตามได้ที่ arab-games.net และขอแนะนำเว็บไซต์ความสนุกที่นำมาให้คุณได้ร่วมสนุกกันที่ Joker สล็อต99 เว็บไซต์เดิมพันยอดอิตของทุกเพศทุกวัย ไม่อยากให้คุณพลาดความสนุกเข้ามาร่วมสนุกกันได้เลย
สุดยอด!! เทคนิคอ่านหนังสือสอบ ที่เข้าใจเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
หากนักเรียนนักศึกษาได้ฝึกพัฒนาทักษะการอ่านเร็ว ก็จะช่วยพัฒนาสมองให้ฉับไวและมีสมาธิ เพราะระหว่างที่เราอ่านเร็ว ๆ อยู่นั้น จิตใจเราจะจดจ่อจนเกิดสมาธิ และต้องไม่ตื่นเต้นลนลานกลัวว่าจะอ่านไม่ทัน อ่านไม่รู้เรื่อง
ซึ่งวันนี้ ขอแนะนำ เทคนิคอ่านหนังสือสอบ ที่จะช่วยให้เราได้รู้จักกับทักษะการอ่านเร็ว ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือเพื่อสอบซึ่งอาจไม่มีเวลาอ่านมากพอ แต่เราก็ยังสามารถจับความจากการอ่านเร็ว ๆ มากได้พอสมควร

เทคนิคอ่านหนังสือสอบ ที่จะช่วยให้เราจับใจความสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
เทคนิคอ่านหนังสือสอบ เทคนิคแรกที่อยากแนะนำ ก็คือ ฝึกทักษะการอ่านเร็วจากสิ่งรอบตัว เราควรลองฝึกอ่านเร็ว ๆ จากสิ่งที่ผ่านตาเราไปอย่างรวดเร็วก่อน ซึ่งสิ่งนั้นอาจเป็นเพียงป้าย หรือข้อความที่ไม่ยาวนัก
แล้วดูสิว่าเราสามารถจับใจความ หรือพอเดาได้ว่ามันสื่อถึงเรื่องอะไร โดยเฉพาะยามที่เรานั่งรถ เราก็น่าจะลองมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วดูว่าเราเห็นป้ายอะไรบ้าง แม้ว่าในตอนแรกเราแทบจะอ่านไม่ทัน แต่หากได้ทำเช่นนี้เป็นประจำ เราก็พอจะจับความได้ และเกิดความเคยชินจนสามารถฝึกการอ่านเร็วได้เก่งขึ้น

เทคนิคอ่านหนังสือสอบ เทคนิคที่สองที่อยากแนะนำ ก็คือ กำจัดสิ่งรบกวนก่อนฝึกทักษะการอ่านเร็ว บ่อยครั้งที่การอ่านอย่างเร็ว ๆ ของเราก็ขาดประสิทธิภาพ เพราะเรามัวแต่สนใจสิ่งรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้อง
ซึ่งสิ่งนี้ก็จะคอยรบกวนสมาธิเรา ดังนั้นเราจึงควรกำจัดสิ่งที่คอยรบกวนใจออกไปให้ได้ โดยเฉพาะ การรับสื่อต่าง ๆ ที่จะคอยกวนใจเราตลอดเวลา เช่น ทีวี วิทยุ อินเทอร์เน็ต นั่นก็เพราะเราไม่ควรฟังหรือดูสิ่งเหล่านี้ขณะที่เราต้องอ่านเร็วไปด้วยได้ ทางที่ดีก็คือปิดสื่อเหล่านั้นเสียแล้วมุ่งสมาธิไปที่การอ่านอย่างเดียวเท่านั้น

เทคนิคอ่านหนังสือสอบ เทคนิคที่สามที่อยากแนะนำ ก็คือ สังเกตหนังสือที่อ่านก่อนการฝึกการอ่านเร็ว ก่อนที่จะอ่านเร็วให้ได้นั้นเราควรสังเกตหนังสือต่าง ๆ ให้ได้หลากหลายประเภท เพราะหนังสือที่มีเนื้อหาหรือต่างประเภทกันก็มักจะมีเอกลักษณ์ ธรรมชาติ หรือรูปแบบที่ต่างกันไปด้วย
โดยการสังเกตความแตกต่างนี้ก็จะช่วยให้เราอ่านได้เร็วขึ้น และเข้าใจมากขึ้นด้วย เนื่องจากเราจะจดจำโครงสร้างของหนังสือนั้นได้ เช่น ตำราเรียนหรือคู่มือ ก็มักจะมีหัวข้อต่าง ๆ ดัชนี เชิงอรรถ บรรณานุกรมที่เราอาจจำเป็นต้องใช้

เทคนิคอ่านหนังสือสอบ เทคนิคที่สี่ที่อยากแนะนำ ก็คือ จับเวลาในการฝึกทักษะการอ่านเร็ว เราอาจลองจับเวลาการอ่านของเรา โดยอ่านเรื่องเดิม ๆ นั้นแหละ จากนั้นมาดูกันว่าสถิติเวลาของเราเร็วหรือช้าอย่างไรบ้าง
ซึ่งตามปกติแล้วก็น่าจะอ่านได้เร็วขึ้น แต่หากอ่านได้ช้าลงกว่าเดิมมาก ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากการที่เราขาดสมาธิเสียมากกว่า
ติดตามข่าวสาร เว็บไซต์การศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณรู้เรื่องการศึกษาอย่างรอบด้าน
- ปัญหาการศึกษา ที่มาจากความไม่เท่าเทียมกัน
- การเรียนสายคาทอลิก คืออะไร และส่งผลดีอย่างไร
- การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทยในยุคปัจจุบัน
- แนวโน้มในเรื่องของการศึกษา คิดอย่างไรกับ การศึกษาของไทยใน ปัจจุบัน
บทความดีๆที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับระบบการศึกษาไทย ที่เรานำมารวบรวมข้อมูลอย่างเจาะลึกและรูปแบบการศึกษาไทยที่ยังมีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ไม่ควรพลาด arab-games.net และหนึ่งเดียวในรูปแบบการเดิมพันออนไลน์ที่ทันสมัย มีโปรโมชั่นมาให้คุณอย่างจุใจที่ Gclub1688 เพราะเราไม่อยากให้คุณพลาดความสนุกที่เราคัดสรรมาไว้ให้คุณ รีบๆเข้ามาร่วมสนุกกันนะ
ผ่อนคลายสมองช่วงสอบ ด้วย สารอาหารบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ กระตุ้นให้สดชื่นแจ่มใส
สมองของเด็กวัยเรียนวัยศึกษาเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก ดังนั้นการดูแลสมองด้วยการกินอาหารบำรุงสมองให้ถูกต้องตามที่ร่างกายต้องการจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะ สารอาหารบำรุงสมอง ก็จะช่วยให้สมองทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ จะสอบ จะตอบคำถาม หรือเรียนเรื่องใดก็รู้ลึกรู้จริง

สารอาหารบำรุงสมอง ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและจดจำสิ่งต่างๆได้ดี
สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดแรกที่ยากแนะนำ ก็คือ ไฟโตนิวเทรียนท์ สารอาหารที่น่าสนใจ สมองต้องการวิตามินบางชนิดและสารพฤกษเคมี เพื่อปกป้องเซลล์สมองจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
ซึ่ง “สารพฤกษเคมี” นี้ก็มีชื่อเรียกเก๋ ๆ ว่า “ไฟโตนิวเทรียนท์” ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมการทำงานในร่างกาย โดยสารนี้เราจะพบได้แต่เฉพาะในพืชเท่านั้น ทั้งยังจัดเป็นสารอาหารบำรุงสมองชั้นยอดอีกด้วย

สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดที่สองที่อยากแนะนำ ก็คือ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) สารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำให้ผักผลไม้มีสีเขียว จะช่วยบำรุงการทำงานของสมองโดยตรง ทั้งยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเราจากโรคต่าง ๆโดยเฉพาะโรคมะเร็ง พบได้ในพืชต่าง ๆ เช่น คะน้า ผักกาดหอม สาหร่ายทะเล ฝรั่ง แอปเปิลเขียว องุ่นเขียว
สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดที่สามที่อยากแนะนำ ก็คือ แอนโทซานทิน (Anthoxanthins) สารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำให้ผักผลไม้มีสีเหลือง ช่วยดูแลสมองและระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยบำรุงสายตาทำให้อ่านหนังสือได้นาน ทั้งยังช่วยล้างพิษ พบมาในพืช เช่น หัวหอมใหญ่ ฟักทอง มันฝรั่ง มันเทศ กล้วย สับปะรด

สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดที่สี่ที่อยากแนะนำ ก็คือ แคโรทีนอยด์ส (Carotenoids) สารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำให้ผักผลไม้มีสีส้ม ช่วยเสริมสร้างความจำ ช่วยดูแลเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และลดระดับคอเลสเตอรอล พบมาในพืช เช่น แครอต มะม่วง มะละกอ แอพริคอต
สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดที่ห้าที่อยากแนะนำ ก็คือ ไลโคปีน (Lycopene) สารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำให้ผักผลไม้มีสีแดง ช่วยป้องกันโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับสมอง เช่น โรคเส้นเลือดสมองตีบ โรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง ที่มีสาเหตุมาจากความเครียด นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงผิวหนัง พบมาในพืช เช่น มะเขือเทศ บีตรูต ทับทิม เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี

สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดที่หกที่อยากแนะนำ ก็คือ แอนโทไซยานิน และ โพรแอนโธไซยานิน (Anthocyanidins และ Proanthocyanidins) สารอาหารเสริมความจำ สารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำให้ผักผลไม้มีสีม่วงหรือสีน้ำเงิน ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง ช่วยขยายหลอดเลือด และป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง พบมาในพืช เช่น มะเขือม่วง กะหล่ำปลีม่วง อัญชัน แบล็คเชอร์รี แบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รี องุ่นดำ
สารอาหารบำรุงสมอง สารอาหารชนิดที่เจ็ดที่อยากแนะนำ ก็คือ เคอร์คูมิน (Curcumin) สารอาหารช่วยดูแลสมอง สารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำให้ผักผลไม้มีเหลืองอีกประเภท ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ป้องกันการโรคความจำเสื่อมช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้ดี เช่น ขมิ้น ว่านนางคำ ขิง ข้าวโพด พริกไทยเหลือง (yellow peppers)
ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณถึงที่ในเว็บไซต์นี้
- วิธีค้นหาพรสวรรค์ของเด็ก การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
- การบูลลี่ คืออะไร? มาทำความเข้าใจเพื่อลดการบูลลี่ในสังคมไทยกัน
- ปัญหาด้านการเรียน ที่เรียนไม่เข้าใจ หาสาเหตุเพื่อแก้ไขให้เรียนเก่งขึ้น
- การสอบ ที่เหลือเวลาเพียงแค่วันเดียว ควรเตรียมตัวกับการสอบอย่างไรดี
ข้อมูลดีๆของข่าวกระศึกษาไทย ทั้งการเรียนในระดับชั้นต่างๆ การศึกษาต่อ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแวดวงการศึกษา ติดตามได้ที่ arab-games.net และหากคุณเบื่อๆ อยากไปท้าทายความมันส์ หรือใครที่กำลังมองหาเกมสนุกๆเพื่อเล่นผ่อนคลาย ขอแนะนำเว็บไซต์ยอดฮิตติดอันดับ เข้ามาที่ โจ๊กเกอร์123 แหล่งรวบรวมความสนุกผ่านโลกออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
นิสัยการอ่านหนังสือ ที่สามารถช่วยทายแนวโน้มการเรียนได้
ด้วยคำถามจิตวิทยาเหล่านี้ จะช่วยให้เรารู้ว่าตัวตนของเราเป็นอย่างไร โดยผ่านนิสัยการอ่านหนังสือ และยังสามารถทายแนวโน้มที่เกี่ยวกับการเรียนได้ด้วย

นิสัยการอ่านหนังสือ ที่ช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น
นิสัยการอ่านหนังสือ นิสัยแรก ก็คือ ติดนิสัยชอบพับขอบหนังสือ หากเรานิยมพับขอบหนังสือเวลาที่อ่านหนังสือไม่จบ ไม่ชอบใช้ที่คั่นหนังสือ แสดงว่า เป็นคนสะเพร่า ไม่เรียบร้อย หากชอบอะไรก็จะจริงจังหมกมุ่น แต่ระหว่างนั้นก็จะลืมทุกสิ่งรอบตัว
- แนวโน้มการเรียน : มักจะตกม้าตาย ทำข้อสอบได้แต่ดันกาข้อผิด หรืออ่านโจทย์ผิดชีวิตเปลี่ยน
นิสัยการอ่านหนังสือ นิสัยที่สอง ก็คือ อ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจเท่านั้น ถ้าเราชอบอ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจเท่านั้น แสดงว่าแม้จะเป็นคนใจดี แต่ก็มีความเป็นเด็กมาก ชอบเอาแต่ใจตัว ไม่ค่อยคิดถึงจิตใจคนอื่นเพราะความไม่รู้ นอกจากนี้ยังไม่ค่อยมีใครเข้าใจ เพราะไม่เก่งเรื่องการอยู่ร่วมกับคนอื่น
- แนวโน้มการเรียน : เรียนแบบผ่าน ๆ ไม่เน้นเกรดไม่ดีแต่ไม่ซีเรียส และเรียนแล้วเข้าใจแต่ไม่ลึกซึ้ง

นิสัยการอ่านหนังสือ นิสัยที่สาม ก็คือ อ่านหนังสือทุกหน้า ถ้าเราอ่านได้ทุกหน้า ก็แสดงว่าเราเป็นคนที่เปิดกว้าง เข้าใจคนอื่นได้ดี จริงใจจริงจัง และยังเป็นคนที่ทุ่มเทเพื่อคนอื่นด้วย
- แนวโน้มการเรียน : รู้ลึกรู้จริง อ่านละเอียด ลงรายละเอียดทุกอย่างจนบางครั้งอ่านมากจนหนักสมอง
นิสัยการอ่านหนังสือ นิสัยที่สี่ ก็คือ เปิดอ่านหนังสือคร่าว ๆ หากเราชอบเปิดหนังสืออ่านแบบข้าม ๆ คร่าว ๆ แสดงว่าเป็นคนที่ใจร้อนบุ่มบ่าม ไม่รอบคอบ ไม่มีแผนการ ทำอะไรตามใจฉัน และไม่สนใจรายละเอียดหรือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย เพราะสนใจแต่เรื่องสำคัญ ๆ เท่านั้น
- แนวโน้มการเรียน : เรียนรู้ได้เร็วแต่ไม่แน่น และไม่ค่อยมีสมาธิหากต้องเรียนอะไรนาน ๆ

นิสัยการอ่านหนังสือ นิสัยที่ห้า ก็คือ ชอบขีดเขียนในหนังสือ ถ้าเรามีนิสัยชอบขีดเขียนในหนังสือ หนังสือนี่เลอะเทอะไปหมด ชอบทำสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายช่วยจำต่าง ๆ (ไม่ใช่วาดการ์ตูนเล่น) แบบนี้ก็จะแสดงว่าเป็นคนที่ชอบการทำงานและทำได้ดี มีความมุ่งมั่น จริงจัง ไม่ชอบออกนอกทางเพราะทำให้เสียเวลา และก็เป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นมากด้วย
- แนวโน้มการเรียน : เก็บทุกรายละเอียดในการอ่าน จึงมีผลการเรียนที่ดี และยังใส่ใจฟังคุณครูมากด้วย
นิสัยการอ่านหนังสือ นิสัยที่หก ก็คือ ชอบออกเสียงตอนอ่านหนังสือ ถ้าเราชอบออกเสียงตอนอ่านแสดงว่าเป็นคนที่ไม่ชอบทำตัวเด่น ไม่ใช่คนที่ภาคภูมิในในตนเองมาก แต่ก็เป็นคนที่รู้จักเคารพตนเองเคารพผู้อื่น มีจิตใจดี ซื่อสัตย์ จริงใจ รักสงบ ไม่ใช่คนที่มีความลับมากมาย แต่เข้าได้ดีกับทุกคน
- แนวโน้มการเรียน : เรียนกลาง ๆ เอาตัวรอดได้ และมุ่งมั่นไปยังวิชาที่ชอบเป็นพิเศษ
ติดตามข่าวสาร เว็บไซต์การศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณรู้เรื่องการศึกษาอย่างรอบด้าน
- ปัญหาการศึกษา ที่มาจากความไม่เท่าเทียมกัน
- การปลูกจิตสำนึกในเด็ก รากฐานสำคัญในวัยเด็ก
- เคล็ดลับการเรียนเก่ง ขั้นเทพ ทำได้ทุกคน และเห็นผลทันตา!!
- เทคนิคช่วยจำ จะช่วยทำให้อ่านหนังสือแล้วจำได้แม่นยำ ตอบได้ฉลุย
เว็บไซต์ที่รวบรวมข่าวการศึกษาของไทย ทั้งด้านการศึกษาต่อในระดับต่างๆ และทุนการศึกษา การสอบและเทคนิคดีๆการอ่านหนังสือ เข้ามาที่ arab-games.net และอีกหนึ่งเว็บไซต์ยอดฮิตที่รวบรวมเกมสนุกๆไว้มากมาย ติดตามความมันส์ได้ที่ รวมสล็อตทุกค่ายในเว็บเดียว การันตีความสนุกแน่นอน!!
เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน ให้เป็นนักอ่านขั้นเทพ อ่านแล้วไม่ใช่แค่จำแต่รู้จักคิดวิเคราะห์ได้ลึกซึ้ง
การฝึกทักษะการอ่าน นอกจากจะช่วยให้เราสามารถอ่านหนังสือสอบได้ดีแล้ว หากยังช่วยให้จำไวอีกด้วย
ขอแนะนำ เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน ให้คุณรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น ซึ่งการวิเคราะห์นี่แหละที่เป็นสุดยอดของการอ่านอย่างแท้จริง

เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน ที่นำไปใช้เป็นแนวทางการอ่านหนังสือ
เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน เทคนิคแรกที่อยากแนะนำ ก็คือ หัดวิเคราะห์ การอ่านแบบจดจำรายละเอียดต่าง ๆ นั้นไม่ยากนัก แต่การอ่านเพื่อให้สามารถคิดวิเคราะห์ หรือวิจารณ์ได้นั้นยากกว่ามาก
ซึ่งการจะอ่านแบบนี้ได้เราต้องทำความเข้าใจสิ่งที่อ่านให้ได้อย่างลึกซึ้ง หากยังไม่เข้าใจในครั้งแรกที่อ่านก็ต้องกลับไปอ่านใหม่ให้ละเอียด และลองตรึกตรองดูหลาย ๆ ทาง บางทีเราอาจพบว่าเราเองก็มีความคิดที่แตกต่าง และสามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้ง

เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน เทคนิคที่สองที่อยากแนะนำ ก็คือ ลองจินตนาการ การจินตนาการแปลก ๆ ก็จะช่วยให้เราอ่านได้ขั้นเทพมากขึ้น ไม่เชื่อก็นำไปทำดู ตัวอย่างการอ่าน 3 ประเภอ ดังนี้
- นักอ่านวิญญาณนักสืบ คือให้เราคิดว่าตนเองเป็นนักสืบแล้วลองสงสัยแล้วตั้งคำถามดูว่า หากเป็นเราเราจะแก้ไขหรือทำอย่างไร เราจะทำได้แตกต่างจากในหนังสือหรือไม่
- นักอ่านแบบศิลปิน คือให้เราคิดว่าตนเองเป็นศิลปิน เมื่ออ่านตัวหนังสือแล้วก็ให้เห็นเป็นภาพในหัว พร้อมทั้งยังสามารถสร้างจินตนาการฉากต่าง ๆ ได้เองด้วย ซึ่งแบบนี้ก็จะทำให้เรารู้จักการสร้างสรรค์ และสร้างจินตนาการได้เป็นอย่างดี
- นักอ่านแบบนักแสดง คือให้เราคิดว่าตนเองเป็นนักแสดงที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ มีความคิดความรู้สึกแบบเดียวกับตัวละครนั้น ๆ แล้วเราจะแสดงออกมาแบบนั้นหรือไม่ ซึ่งแบบนี้ก็จะช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนในชีวิตจริงมากขึ้นด้วย

เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน เทคนิคที่สามที่อยากแนะนำ ก็คือ อ่านเป็นประจำ การจะเป็นนักอ่านขั้นเทพได้ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคนเก่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องอ่านอย่างสม่ำเสมอ หากอ่านได้ทุกวันจนรักการอ่าน หรือติดการอ่านหนังสือก็ยิ่งดี ดังนั้นวินัยในการอ่านจึงสำคัญที่สุด เราจึงควรทำตารางการอ่านให้ได้ อย่างน้อยวันละไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง และให้ได้สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง

เทคนิคฝึกทักษะการอ่าน เทคนิคที่สี่ที่อยากแนะนำ ก็คือ อ่านหนังสือหลากหลายแนว นักอ่านขั้นเทพต้องไม่เกี่ยงประเภทการอ่าน หากอ่านได้อย่างหลากหลาย ความรู้ความคิดก็จะกว้างขวางมากขึ้น แม้แต่หนังสือที่เหมาะกับเด็กผู้ชายอ่านอย่างความรู้วิทยาศาสตร์ เครื่องจักรกลต่าง ๆ เด็กผู้หญิงหรือสาว ๆ ก็สามารถอ่านได้เช่นกัน
ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณถึงที่ในเว็บไซต์นี้
- การปลูกจิตสำนึกในเด็ก รากฐานสำคัญในวัยเด็ก
- การเตรียมตัวสอบ เพื่อพิชิตเป้าหมายและความฝันให้เป็นจริง
- การเรียนภาษา อย่างไรไม่ต้องเก็บเข้ากรุ สามารถนำมาใช้งานได้จริง
- เทคนิค การพิชิตภาษาไทย การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยให้เด็กสนุกมากยิ่งขึ้น
รวบรวมข่าวการศึกษาของไทย ที่ส่งตรงทาง arab-games.net เรามีทั้งข่าวการศึกษาระดับประถม ระดับมัธยมต้น ระดับมัธยมปลาย และระดับมหาลัยรวมทั้งข้อมูลในด้านการศึกษาต่อในระดับต่างๆ เราขอแนะนำอีกหนึ่งความสนุกที่เราส่งตรงมาให้คุณผ่านระบบออนไลน์ ที่ ทางเข้า ufabet777 เว็บไซต์ยอดฮิตที่คุณไม่ควรพลาด!!