Home » 2020 (Page 3)
Yearly Archives: 2020
มหาวิทยาลัยปกป้องผู้หญิงจาก การถูกล่วงละเมิด ในครอบครัว
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อมหาวิทยาลัยปิดตัวลงในเดือนมีนาคม การถูกล่วงละเมิด และฉันได้กลับไปอยู่กับครอบครัว” พริชา * อายุ 20 ปีนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยมิดเดิลเซ็กซ์กล่าว “ แม่และน้องสาวรู้เรื่องแฟนและพวกเขาโกรธมาก พี่สาวขว้างมีดใส่ แม่บอกว่าเธอจะแทงคอฉัน พวกเขาบอกว่าจะทำลายเขา”
ปัญหา การถูกล่วงละเมิด ทีมสุขภาพจิตของมหาวิทยาลัยช่วยเหลือ
พริชา ติดต่อทีมสุขภาพจิตที่มหาวิทยาลัยของเธอและถูกขังไว้ในเซฟเฮาส์ที่กำหนดไว้ในห้องโถง “ พวกเขาให้ที่พักและอาหารแก่ฉันโดยที่พวกเขาไม่คิดเงินฉัน” เธอกล่าว
ดาน่า อายุ 22 ปีใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่นั่นด้วย แฟนเก่าโทรหาฉันตลอดและมาที่บ้านฉันและมันก็ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นั่น ฉันส่งอีเมลถึงยูนิและพวกเขาบอกว่าฉันสามารถมาได้ในเช้าวันรุ่งขึ้นและอยู่ฟรี มีคนมาช่วยฉันแกะกล่อง มันคือทุกสิ่งที่ฉันต้องการในตอนนั้น
โดยรวมแล้วมิดเดิลเซ็กซ์ให้ห้องพักแก่นักเรียนหกคนที่ประสบปัญหา การถูกล่วงละเมิด ที่บ้าน ผ่านการเชื่อมโยงกับสภา บาร์เน็ตต์ นอกจากนี้ยังมีการเสนอที่พักให้กับผู้หญิงในชุมชนที่หลบหนีความรุนแรงในครอบครัวระหว่างการแพร่ระบาด
มีบางอย่างที่คล้ายกันเกิดขึ้น เซนต์ แคทเทอรีน คอลเลจ, เคมบริดจ์ ซึ่งดำเนินการเป็นที่หลบภัยในช่วงที่เกิดโรคระบาด ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายนผู้หญิงและเด็ก 23 คนที่หลบหนี การล่วงละเมิด ในบ้านจะได้รับที่พัก
โดยมีประตูเหล็กอย่างแน่นหนาการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและแม่บ้านในสถานที่วิทยาลัยจึงสามารถเสนอแฟลตที่มีสวนล้อมรอบให้เด็ก ๆ เล่นได้โดยเป็นผู้หญิงโสดและแม่ที่มีลูกอายุต่างกัน ที่ใหญ่ที่สุดคือครอบครัวสี่คน เด็กอายุ 14 ปีคนหนึ่งซึ่งใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่นั่นกับแม่ของเธอกล่าวว่ามันทำให้เธออยากไปมหาวิทยาลัยและสมัครเรียนที่เคมบริดจ์ด้วยตัวเอง
หลายคนที่มีบุคคลที่ไม่เหมาะสมในชีวิตพยายามหาทางเลือกที่ปลอดภัยเช่นอยู่กับเพื่อนหรือญาติ มหาวิทยาลัยต่างๆเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญเนื่องจากในระหว่างการปิดตายเส้นทางหลบหนีแบบเดิม ๆ เช่นนี้หายไป มีการลดจำนวนตำแหน่งผู้ลี้ภัยทั่วประเทศลง 40.6%
มากกว่า 60% ของผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับผู้ถูกทำร้ายกล่าวว่า การล่วงละเมิดเลวร้ายลง โครงการ Counting Dead Women ประมาณการว่ามีผู้หญิง 26 คนถูกฆ่าโดยคู่ของพวกเขาหรืออดีตคู่หูของพวกเขาในช่วงเวลาที่ถูกปิดตายเจ็ดสัปดาห์
ฟิโอน่า ดายเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ โซเลซ กล่าวว่า มันยอดเยี่ยมมากที่พวกเขาใช้มันในลักษณะนี้ ความเป็นจริงของสถานการณ์ก็คือในวันใดวันหนึ่งผู้หญิงสองในสามต้องถูกเมิน [จากผู้ลี้ภัย] เพราะขาดอุปทาน ความต้องการมีมากและพวกเขาจำเป็นต้องได้รับโอกาสในการหลบหนี
ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทยในยุคปัจจุบัน
การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทยมีหลายระดับ จุดสำคัญของการปฏิรูป คือ การเรียนของเด็ก การสอนของครูและการผลิตครูที่มีคุณภาพ ในอดีตเรามักจะมองว่าครูเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของเด็ก แต่ในปัจจุบันเด็กเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา
ซึ่งครู อาจารย์ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต้องเปิดโลกกว้างให้เด็กออกไปเรียนรู้มากขึ้นแทนที่จะให้เด็กเรียนอยู่แต่ภายในห้องเรียนเท่านั้น
การปฏิรูประบบการศึกษา ที่ต้องเน้นทักษะความสามารถของเด็ก
การปฏิรูประบบการศึกษา ในปัจจุบันเด็กไทยมีเนื้อหาที่ต้องเรียนมาจากหลักสูตรที่อิงมาตรฐาน หรือที่เรียกว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ค่อนข้างเยอะ ซึ่งหลักสูตรที่อิงมาตรฐานนี้ มีการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของแต่ละกลุ่มสาระ ซึ่งเราให้ความสำคัญในรายวิชาและทักษะความสามารถย่อยๆ มากกว่าทักษะความสามารถหลักที่เด็กควรได้รับ เมื่อเด็กเรียนจบการศึกษาแล้ว ปัญหาที่พบคือ เด็กไม่สามารถทำสิ่งอื่นได้ในหลายๆ อย่างที่ควรทำได้ ทั้งที่เด็กเรียนรู้จากทุกกลุ่มสาระที่มีอยู่ในโรงเรียน
จากการสำรวจครูและเด็กไทย พบว่า ครูมีความกังวลในเรื่องเวลาและเนื้อหาการสอนที่ค่อนข้างมาก ครูจึงใช้วิธีบอกความรู้แก่นักเรียนโดยตรง การทำเช่นนี้ เป็นวิธีการที่เด็กไม่มีความสามารถรู้จักคิด วิเคราะห์และสังเคราะห์ในแต่ละรายวิชาด้วยตนเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กมีความวิตกกังวลในการสอบ และผลที่ตามมา คือ เด็กจะหาวิธีการทำข้อสอบด้วยตนเองให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนใจวิธีการที่ได้มา ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลต่อการทุจริตในการสอบของเด็กได้
ทางออกใน การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทย คือ การพัฒนาหลักสูตรจากสมรรถนะ เป็นการฝึกอบรมที่อิงสมรรถนะขั้นต้น ทำให้เกิดความสามารถหลักแก่เด็กและเป็นความสามารถที่สังเกตได้ เช่น เด็กวัยระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 มีความสามารถในการคิดคำนวณ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาที่สอง มีทักษะในการดูแลตนเองและช่วยเหลือครอบครัว การมีค่านิยมที่ดีต่อการเป็นพลเมืองที่ดี เช่น การมีวินัย ความซื่อสัตย์ รวมทั้งการสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งการสร้างสมรรถนะเหล่านี้จะสร้างขึ้นตามความสามารถและความสนใจของเด็กเป็นหลักนั่นเอง
ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
การสอบ ที่เหลือเวลาเพียงแค่วันเดียว ควรเตรียมตัวกับการสอบอย่างไรดี
ในวันสุดท้ายก่อนที่จะมี การสอบ มักจะเป็นวันที่หลายคนมีความกังวลค่อนข้างสูง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวก่อนสอบอย่างไรดี ยิ่งถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำข้อสอบได้ ก็ยิ่งลนลานมากขึ้นไปอีก ทำให้ต้องพยายามอัดเนื้อหาความรู้ในจังหวะสุดท้ายนี้ให้คุ้มค่าที่สุด อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจว่าทำเต็มที่ พร้อมกับหวังว่าจะอ่านตรงกับข้อสอบพอดิบพอดี ซึ่งร้อยทั้งร้อยมักจะไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไรนัก
การสอบ กับการเตรียมตัวที่ดีและเทคนิคการจดจำเนื้อหา
การเตรียมตัวก่อน การสอบ ที่ดีจึงต้องทำตั้งแต่เนิ่นๆ คือพอเห็นตารางสอบแล้ว ควรวางตารางสำหรับอ่านทบทวนเนื้อหา และเริ่มลงมือทำทันที เพื่อให้ภาระและความกังวลทั้งหมดไม่มาตกอยู่ในช่วงท้าย แล้ววันสุดท้ายจะได้ทำส่วนที่ควรจะทำจริงๆ ระยะเวลาที่เหมาะสมกับการเตรียมตัวก็แล้วแต่เนื้อหาวิชาที่เรียน อาจจะประมาณ 1-2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นได้ ขอแค่ให้ได้ทำทุกวัน ในลักษณะที่ไม่หักโหมจนเกินไปก็พอ
ทีนี้เมื่อเหลือเวลาเพียงวันเดียวก่อน การสอบ มันจะไม่ใช่ช่วงที่เรามาเตรียมตัวก่อนสอบแบบหนักหน่วงกันอีกแล้ว แต่จะแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ถ้าก่อนหน้านี้มีการเตรียมตัวมาดีมาก เข้าใจและจดจำเนื้อหาส่วนสำคัญได้ดี วันนี้ก็จะเป็นวันพักผ่อนที่ไม่ควรแตะต้องหนังสืออีกเลย ให้สมองได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ก่อนจะเจอศึกหนักในอีกหลายวันหลังจากนี้
แต่ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเตรียมตัวก่อนสอบมาดีพอ ก็ให้ใช้วันนี้เป็นการทบทวนแบบสรุปทุกรายวิชา ก่อนที่จะทำ การสอบ อาจจะมีการอ่านหัวข้อเพียงอย่างเดียว แล้วลองนึกดูว่าเราจดจำเนื้อหาส่วนไหนได้บ้าง อาจจะเป็นการสุ่มแบบทดสอบหรือแบบฝึกหัดขึ้นมาลองทำดูก็ได้ อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นก็ควรจะยุติทุกอย่าง แล้วหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำแทนทันที เปลี่ยนไปดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นกีฬาเบาๆ จากนั้นให้จัดเตรียมข้าวของที่ต้องใช้ในวันรุ่งขึ้น อย่ามาเร่งจัดในตอนเช้า แล้วก็ควรเข้านอนเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ที่ไม่ยากเกินเอื้อม
สมัยก่อนการไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร และเด็กที่จะสามารถไปได้ หากไม่เก่งมากๆ ทางบ้านก็ต้องมีความพร้อมที่จะสนับสนุน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว หลายประเทศมอบทุนมหาศาลให้เด็กต่างชาติ อย่างทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ที่มีชื่อเรียกว่า Holland Scholarship ก็เป็นอีกหนึ่งทุนที่น่าสนใจแล้วก็ค่อนข้างเปิดกว้างทีเดียว แต่เบื้องต้นต้องเป็นเด็กต่างชาติ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพลเมืองของประเทศกลุ่ม EEA ซึ่งเด็กไทยก็มีสิทธิเต็มที่เลย อยู่ที่ว่าคุณสมบัติปลีกย่อยอื่นๆ จะผ่านหรือไม่
Holland Scholarship เงินสนับสนุนการเข้าศึกษา
Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ ตัวนี้จะเปิดรับเป็นประจำทุกปี โดยช่วงนี้ก็ใกล้จะเปิดรับสมัครเต็มทีแล้ว ประจำปีการศึกษา 2021-2022 ก็ให้เริ่มหาข้อมูลและลงสมัครได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป รายละเอียดหลักของทุนก็คือ จะมอบเป็นเงินสนับสนุนการเข้าศึกษาในปีการศึกษาแรก มียอดประมาณ 185500 บาท หรือเท่ากับ 5000 ยูโร ซึ่งก็เป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับนักเรียนที่สนใจ ในระดับชั้นปริญญาตรีและปริญญาโทหลากหลายสาขาวิชา
แม้ว่า Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ตัวนี้ จะไม่ได้เป็นการส่งเสียให้เรียนจนจบหลักสูตร แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี เพราะมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมหลายแห่ง ผู้ขอทุนสามารถเลือกได้เอง เพียงแค่มีคุณสมบัติตรงตามที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งกำหนดเท่านั้น และด้วยความที่เป็นทุนระยะสั้น ไม่ได้ให้ทั้งหมด เงื่อนไขในการขอรับทุนจึงไม่มากนัก นับว่าเปิดกว้างกับเด็กหลายกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะเด็กเรียนหรือเด็กกิจกรรมที่มีผลงานโดดเด่นเพียงอย่างเดียว
อีกคำถามหนึ่งสำหรับเด็กๆ ที่สนใจ Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์อันนี้ก็คือ เมื่อเข้าไปเรียนและรับทุนไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจะหาค่าเล่าเรียนอย่างไร ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่ควรกังวลอยู่เหมือนกัน แต่ภายในมหาวิทยาลัยมักจะมีทุนภายในอยู่แล้ว เราสามารถยื่นขอต่อจากนั้นได้ หรือสอบถามจากรุ่นพี่ในการทำกิจกรรมพิเศษหรือช่องทางหารายได้ที่สามารถทำได้อย่างถูกต้องในขณะที่เรียนอยู่ก็ได้เช่นกัน
ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมในวัยเรียน จริงหรือไม่? ท้องได้ ก็เลี้ยงได้ ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ประเทศไทยนับได้ว่ามีสถิติการตั้งครรภ์ไม่พร้อมสูงเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีวลีหนึ่ง จากเด็กวัยเรียนที่มี การตั้งครรภ์ ก่อนวัยอันควร ด้วยแคปชั่นว่า “ท้องได้ ก็เลี้ยงได้ ”
ซึ่งแม้จะเป็นวลีที่ดูเหมือนเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าการจะเลี้ยงเด็กสักหนึ่งคนเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ฉะนั้นในวันนี้เราจะมาดูว่าหากมี การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมแล้วเลือกจะเก็บเด็กเอาไว้ น้องๆจะพบกับปัญหาอะไรตามมาบ้างหลังจากนั้นมาดูกันเลย
การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย
การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาข้อแรก คือ เสียโอกาสการเรียน เพราะเวลาตั้งครรภ์ 9 เดือน รวมพักฟื้นหลังคลอด
ยังไม่รวมถึงการเลี้ยงดูทารกที่ต้องใช้เวลาแรมปี ฉะนั้นหากน้องๆ ตั้งครรภ์เมื่ออยู่ในวัยมัธยมก็อาจต้องเปลี่ยนแผนไปเรียน กศน.แทน หรือหากอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัย ก็ยังสามารถกลับมาเรียนได้แต่อาจต้องบริการจัดการเวลาให้ดี
การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาข้อที่สอง คือ มีค่าใช้จ่าย เพราะการจะเลี้ยงเด็กสักหนึ่งคนให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ต้องหมดค่าใช้จ่ายมากกว่าล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อตั้งครรภ์ไม่พร้อม
ในขณะที่ตัวน้องๆ เองยังไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ การจะหาทุนทรัพย์มาเลี้ยงลูกย่อมยากลำบาก ซึ่งหากทางบ้านไม่มีฐานะก็ยิ่งเพิ่มอุปสรรคเป็นสองเท่าตัว น้องๆอาจจะต้องทำงานอย่างหนัก จนถึงขั้นสละการเรียนไปก็เป็นได้
การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาข้อที่สาม คือ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เนื่องจากรักในวัยเรียนนั้นเป็นความรักที่เกิดจากความรู้สึกเกือบ 80-90% แต่ความรักในโลกแห่งความเป็นจริงมีองค์ประกอบมากกว่านั้น ทำให้หลายคู่เมื่อมีลูกและต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน อีกทั้งต้องแบกความรับผิดชอบที่เกินวัย ทำให้หลายคู่ต้องแยกทาง และผู้หญิงมักจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงลูก ซึ่งจะยิ่งเพื่อเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นไปอีก
จากปัญหาที่กล่าวมา คือ ปัญหาจาก การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมในวัยเรียนนี้จึงอยากให้น้องๆเห็นว่าความสนุกเพียงชั่วคราวในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจะคุ้มหรือไม่หากต้องแลกกับความลำบากอีก 20 ปีกว่าปี และคิดว่าคุ้มหรือไม่หากเราสร้างทรัพยากรมนุษย์ขึ้นมาแต่เป็นภาระของสังคม ฉะนั้นทุกสิ่งเหล่านี้สามารถยับยั้งได้ทั้งหมดด้วยการสวมถุงยางอนามัยป้องกัน
ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
การเรียนภาษา ที่ 2 มีความจำเป็นและเพื่อความก้าวหน้าในงานที่คุณทำได้อย่างไร
เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปอยู่แล้วว่า หากคุณต้องการความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การเรียนภาษา ที่ 2 และ 3 สำคัญมากที่จะช่วยต่อยอดให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการเรียนภาษาที่ 2 ที่พนักงานบริษัทให้ความสนใจเรียนกันมากได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน
เนื่องจากมีบริษัทสัญชาติเหล่านี้เข้ามาประกอบธุรกิจกันมากในประเทศไทยและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นในทุกปี จึงเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้ร่วมงานกับบริษัทข้ามชาติเหล่านั้น แล้วความก้าวหน้าในหน้าที่การงานจะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าคุณได้เรียนภาษาที่ 2
การเรียนภาษา ที่มีข้อดีและสำคัญต่อการทำงานมาก
การสื่อสาร จำ้ป็นต้องมี การเรียนภาษา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน หากคุณต้องการความก้าวหน้าหรือการก้าวกระโดดในงานที่ร่วมทำกับบริษัทต่างชาติ คุณควรเรียนภาษาที่ 2 เพื่อให้เจ้านายเห็นศักยภาพในตัวคุณที่สามารถสื่อสารทำความเข้าใจกับเจ้านายหรือแม้แต่ลูกค้าได้จนงานประสบผลสำเร็จ
เมื่อเจ้านายเห็นศักยภาพของคุณก็จะมอบหมายงานที่ใหญ่ขึ้นให้คุณรับผิดชอบ สร้างความเชื่อมั่นเชื่อใจในตัวคุณให้เห็นแก่สายตาของเพื่อนร่วมงานผู้บริหารและลูกค้า แล้วรางวัลผลตอบแทนก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง รายได้ และชื่อเสียง รวมทั้งความก้าวหน้าในหน้าที่การงานจากการที่คุณได้เรียนภาษาที่ 2 เพิ่มเติม
คุณบางคนอาจคิดว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความก้าวหน้าในการทำงานกับบริษัทต่างชาติที่คุณทำงานอยู่ด้วย การเรียนภาษา ที่ 2 แต่ การเรียนภาษา ที่ 2 และ 3 จะเป็นลู่ทางหรือเพิ่มโอกาสให้คุณมากขึ้นในการสมัครงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือสามารถไปทำงานในต่างประเทศได้ หากการไปทำงานในต่างประเทศเป็นความฝันของคุณ
นอกจาก การเรียนภาษา ที่ 2 หรือ 3 เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานแล้ว คุณควรเรียนรู้วัฒนธรรมและมารยาทการทำธุรกิจในภาษานั้นๆ ด้วย ภาษาที่แตกต่างกันย่อมมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปด้วย เช่น มารยาทการทำงานของญี่ปุ่นคุณควรแลกนามบัตรในการเจอกันครั้งแรกเพื่อเป็นการแนะนำตัวทางธุรกิจ เป็นต้น
ติดตามข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นสำคัญ ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้
การเรียนสายสาธิต เป็นการเรียนรู้ผ่านโครงการต่างๆ
การเรียนสายสาธิต คือ การเรียนแนวบูรณาการ ซึ่งจะไม่ค่อยเน้นในเรื่องของวิชาการสักเท่าไร โดยการเรียนการสอนแบบสายสาธิตนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นให้เด็กเรียนรู้ผ่านโครงงานต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้ใช้ทักษะเชาว์ปัญญาในการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ การสังเกต และลงมีปฏิบัติจริง อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กมีความคิดที่แตกต่างหรือใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ทำให้เขาพร้อมที่จะกล้าแสดงออกความคิดเห็นของตนเองออกมา
การเรียนสายสาธิต การเรียนรู้แบบบูรณาการ ฝึกการคิดวิเคราะห์
โดย การเรียนสายสาธิต นี้มักเน้นให้เด็กได้พูดคุยและแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ออกมา เกี่ยวกับการเรียนนั้น ๆ ก็ยิ่งทำให้นักเรียนมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เหมือนเป็นการต่อยอดในอนาคตของพวกเขา เวลาที่เจอเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจหรือจะลงมือทำอะไรสักอย่าง พวกเขาก็จะมีขบวนการทางความคิดและวางแผนอย่างเป็นระบบ จากประสบการณ์ที่ได้ทดลองลงมือทำจริง นอกจากนี้ความคิดความอ่านก็จะมองไปไกลกว่า เหมือนกับสายสาธิตที่พวกเขาได้เรียนมานั่นเอง
ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนสาธิต นั้นถือว่ามีความนิยมเป็นอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยแผนการเรียนการสอนที่ไม่ค่อยหนักเหมือนพวกสายวิชาการ อีกทั้งยังเป็นการเรียนแบบบูรณาการที่ทำให้เด็กได้ใช้ความคิดของตัวเอง รวมไปถึงการลงมือปฏิบัติงานต่าง ๆ จึงทำให้เด็กเกิดความเข้าใจได้ง่ายกว่าและมีความสุขกับการเรียน เพราะฉะนั้นทำให้การสอบเข้านั้นเป็นเรื่องยากมากพอสมควร และเด็กที่จะสอบเข้าสายสาธิตนี้ได้ ต้องมีความเก่งในเรื่องของ เชาว์ปัญญา การสังเกต การคิดวิเคราะห์ รวมไปถึงการฟัง ซึ่งทักษะพวกนี้ต้องใช้ในการเรียนแนวสายสาธิต ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
แต่ถ้าหากสามารถสอบเข้าโรงเรียนสายสาธิตนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายไหนก็ตาม รับรองว่าลูกของเราเขาก็จะสนุกกับการเรียนแนวนี้อย่างแน่นอน แต่เด็กบางคนก็ใช่ว่าจะเรียนได้ เพราะเขาอาจจะถนัดในด้านของวิชาการมากกว่า การใช้เชาว์ปัญญา ซึ่งการที่เราจะพาลูกของเราไปสอบ ก็ควรดูให้ออกว่าเขาเหมาะกับด้านไหนมากกว่ากัน เราจะได้สนับสนุนเขาให้ถูกทางนั่นเอง และเตรียมตัววางแผนการเรียนเผื่อที่จะไปสอบเข้าเรียน ป. 1
ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
การเรียนสายคาทอลิก คืออะไร และส่งผลดีอย่างไร
การเรียนสายคาทอลิก หลายคนก็คงได้ยินชื่อมาบ้างแล้ว ซึ่ง การเรียนสายคาทอลิก นั้นคือการเรียนแนวทางด้านวิชาการ โดยเน้นในเรื่องของการอ่านออกเขียนได้เป็นหลัก และรวมไปถึงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ได้ออกมานั้นค่อนข้างจะเข้มงวดนิดหนึ่ง
แต่โดยรวมแล้ว หากจบจาก โรงเรียนสายคาทอลิก นี้ไป พวกเขาก็จะมีระเบียบวินัยรวมไปถึงเรื่องของเวลา ที่สามารถรับผิดชอบได้อย่างดี
การเรียนสายคาทอลิก หล่อหลอมความเป็นผู้นำ และช่วยสร้างระเบียบวินัย
ซึ่ง การเรียนสายคาทอลิก ก็เหมือนเป็นการสร้างพลังในตัวเด็ก ที่ต้องได้เรียนรู้ในเรื่องของความอดทน ความยากลำบาก ความแกร่ง ที่พวกเขาต้องเจอนอกจากการเรียนในด้านวิชาการด้วย สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยหล่อหลอมลูกของเราให้เขามีความเป็นผู้นำ สุขุม รอบคอบ และเมื่อเวลาที่เจอกับปัญหาหรือเรื่องที่ทำให้เขาลำบาก เขามักจะผ่านมันได้เสมอ อีกทั้งในเรื่องของการสอนให้เด็กรู้จักนอบน้อมถ่อมตน สอนให้เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เมื่อพวกเขาโตขึ้นก็จะมีสิ่งนี้ติดตัวไปตลอดชีวิต
ถึงแม้ว่า การเรียนสายคาทอลิก ดูเหมือนจะยาก แต่เด็กที่เขาเหมาะกับทางด้านนี้ รับรองว่าไม่น่าจะมีปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน ถึงการเรียนจะค่อนข้างหนักก็ตาม แต่พวกเขาก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งเด็กที่เข้ามาเรียนในด้านสายคาทอลิกนี้ได้ ก็ต้องมีการสอบเข้าเหมือนกัน หากพวกเขาสามารถที่จะสอบผ่านได้ด้วยฝีมือตนเอง พวกเขาก็สามารถที่จะเรียนในด้านนี้ได้อย่างสบายเลย
แต่ก็มีผู้ปกครองบางคนก็อยากจะให้ลูกของตัวเองมาเรียนสายคาทอลิก แต่การที่จะเรียนด้านนี้ได้ก็ต้องมีพื้นฐานการเรียนที่ค่อนข้างดีมาก่อนอยู่แล้ว มิใช่ว่าลูกของเราไม่ถนัดในด้านของวิชาการแต่ก็อยากจะส่งให้เรียน และมักคิดว่าเด็กสามารถที่จะรับมือกับเรื่องนี้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดมากเพราะจะทำให้เขาไม่มีความสุขกับการเรียน หากเป็นเช่นนี้รับรองว่าพวกเขาก็จะไม่มีความสุขกับการเรียนเลย เพราะเขาไม่ได้ถูกฝึกมาทางสายนี้ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในภายภาคนี้ได้
ติดตามข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นสำคัญ ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้
วิธีรับมือกับการบูลลี่ ในโรงเรียน การแก้ปัญหาการบูลลี่การโดนกลั่นแกล้ง!!
ไม่ว่าขณะนี้คุณจะเป็นใคร นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง คงเคยได้ยินข่าวการบูลลี่ในโรงเรียนมามากมาย หรือแม้แต่อาจเคยมีประสบการณ์เจ็บช้ำน้ำใจ
การแก้ปัญหาการบูลลี่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร คำตอบแรกก็คือเลิกทนและเรียนรู้วิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง
การแก้ปัญหาการบูลลี่ ในโรงเรียน
การบูลลี่ วิจัยมาแล้วว่าเด็กไทยโดนบูลลี่หรือถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ดังนั้นมาช่วยกันลดการบูลลี่ในไทยกันเถอะครับ
การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับแรก คือ ลดความเครียด ถ้าโดนเพื่อนแกล้ง ทำไงดี? อันดับแรกก็คือต้องลดความเครียดและเบี่ยงเบนความคิดด้อยค่าที่รู้สึกเมื่อถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่างๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ เช่น ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร ออกกำลังกาย หรือออกไปเที่ยว
การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่สอง คือ การรักตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นใครหรือเป็นอย่างไร เราควรรักและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น เราไม่ได้ทำอะไรผิด ใครไม่รักไม่ชอบไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่เป็นปัญหาของเขา ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์มาทำให้เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเองครับ
การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่สาม คือ แสดงความรู้สึก การแสดงออกถึงความไม่พอใจรวมถึงสื่อสารว่ารู้สึกอย่างไรกับการโดนบูลลี่ จะทำให้ผู้ที่กลั่นแกล้งรับรู้ถึงความไม่พอใจและตระหนักในผลกระทบที่อีกฝ่ายได้รับ มีแนวโน้มที่จะลดพฤติกรรมไม่ดีลง ในทางกลับกันหากเอาแต่ทน ผู้ที่กลั่นแกล้งก็จะยิ่งได้ใจและกระทำซ้ำๆ ต่อไป
การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่สี่ คือ ร้องเรียน ถูกกลั่นแกล้ง ควรร้องเรียนครูอาจารย์ที่โรงเรียนรวมถึงผู้ปกครองให้รับทราบ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขอย่างตรงจุด ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรสอนลูกให้สู้คนครับ
การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่ห้า คือ การมีไอดอล ที่มีลักษณะเหมือนกันกับเรา (ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด นักร้อง นักแสดง คนดังในสังคม) เช่น ผิวคล้ำเหมือนกัน อ้วนเหมือนกัน ฐานะทางบ้านไม่ดีเหมือนกัน จะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ลำพัง ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งอยู่คนเดียว รู้สึกมีค่ามากขึ้นด้วย
ซึ่งไอดอลที่มีลักษณะเหมือนเรา เขาสามารถก้าวผ่านการถูกบูลลี่และมีชีวิตที่สดใสประสบความสำเร็จได้ เราก็ต้องทำให้ได้อย่างเขา
การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่หก คือ การไม่บูลลี่ต่อ การบูลลี่ก็เหมือนกับโดมิโน เมื่อใครถูกกลั่นแกล้งแล้วก็มีแนวโน้มที่จะกลั่นแกล้งผู้อื่นต่อไปเป็นทอดๆ เพื่อปลดปล่อยความคับแค้นเจ็บปวดของตน ซึ่งมีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง
ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้
การบูลลี่ คืออะไร? มาทำความเข้าใจเพื่อลดการบูลลี่ในสังคมไทยกัน
สังคมจะดีได้ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ผู้คนต้องไม่ทำร้ายกันทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ดังนั้นเรามาช่วยกันหยุดการบูลลี่ในสังคมไทยกันเถอะครับ
- บูลลี่ คืออะไร?
การบูลลี่ คือ พฤติกรรมการกลั่นแกล้งข่มเหงที่ใช้ความรุนแรงด้วยคำพูดหรือการกระทำ ซึ่งสร้างผลกระทบให้ผู้ที่ถูกกระทำเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ
ประเภทของการบูลลี่
การบูลลี่ ด้วยคำพูด คือ การใช้คำพูดที่รุนแรงทำร้ายจิตใจ (เช่น เย้าแหย่ ล้อเลียน ดูถูก) อาจเป็นการบูลลี่รูปร่างลักษณะหรือล้อเลียนรูปลักษณ์ภายนอก เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง เชื้อชาติ เพศ ลักษณะภายนอกที่ไม่ตรงกับเพศสภาพ สีผิว ลักษณะผิวหนัง แผลเป็น หรือแม้แต่ความพิการ
การบูลลี่ ด้วยกำลัง คือ การใช้กำลังทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงแก่ชีวิต
การบูลลี่ ทางสังคม คือ การแบ่งชนชั้นหรือกีดกันทางสังคมในสถานที่ต่างๆ เช่น การแบ่งแยกลูกคนรวยกับลูกคนจนในสถานศึกษา การกดดันให้ต้องออกจากกลุ่มหรือชมรม การโดนกลั่นแกล้งจากหัวหน้างานในที่ทำงาน
การบูลลี่ ทางโลกโซเชียล คือ การประจานหรือใส่ร้ายป้ายสีเพื่อให้เกิดความอับอายหรือเสื่อมเสียในโลกโซเชียล ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้
- สาเหตของการบูลลี่
1. มีความบกพร่อง ความจริงก็คือผู้ที่ชอบบูลลี่หรือกลั่นแกล้งผู้อื่นก็คือผู้ที่มีความบกพร่องทางจิตใจ เช่น อีโก้สูงเกินไป อาจเคยถูกบูลลี่มาก่อน มีปมด้อยบางอย่าง (เช่น หน้าตาไม่ดี ยากจน เรียนไม่เก่ง) จึงต้องการระบายอารมณ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่ตนเห็นว่าด้อยกว่า อ่อนแอกว่า หรือไม่โต้ตอบ
2. ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่นิยมอารมณ์ขันและความบันเทิง ดังนั้นจึงอาจ “พลาด” และ “เผลอ” บูลลี่ผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน สร้างสีสันให้แก่วงสนทนา รวมถึงอาจคิดเองเออเองว่าผู้ที่ถูกพาดพิงหรือถูกกลั่นแกล้งไม่รู้สึกอะไร ดังนั้นข่าวการบูลลี่ การบูลลี่ในโรงเรียนหรือในที่ทำงาน จึงมีให้เห็นทั่วไปจนกลายเป็นความเคยชินครับ
- ผลกระทบของการบูลลี่ที่ส่งผลร้ายแรง
– การรู้สึกด้อยค่า ไร้ความมั่นใจ ไร้ความนับถือในตัวเองมากขึ้น
– การมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงหรือพึ่งพายาเสพติดในการแก้ไขปัญหา
– การมีแนวโน้มที่จะบูลลี่ผู้อื่นต่อไปเป็นทอดๆ เพื่อบรรเทาความคับแค้นใจของตน
– การมีแนวโน้มไปสู่โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายในที่สุด
เพราะฉะนั้นเมื่อรู้แล้วว่าผลกระทบของ การบูลลี่ สาหัสสากรรจ์เพียงใด เราก็ไม่ควรนำตัวเองให้เป็นผู้สร้างการบูลลี่ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมระดับไหนก็ตาม รวมถึงต้องไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของการถูกบูลลี่ และตระหนักในการแก้ปัญหาการบูลลี่ในสังคมให้มากขึ้นอีกด้วยครับ
ติดตามข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นสำคัญ ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้