Home » 2020 (Page 3)

Yearly Archives: 2020

มหาวิทยาลัยปกป้องผู้หญิงจาก การถูกล่วงละเมิด ในครอบครัว

ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อมหาวิทยาลัยปิดตัวลงในเดือนมีนาคม การถูกล่วงละเมิด และฉันได้กลับไปอยู่กับครอบครัว” พริชา * อายุ 20 ปีนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยมิดเดิลเซ็กซ์กล่าว “ แม่และน้องสาวรู้เรื่องแฟนและพวกเขาโกรธมาก พี่สาวขว้างมีดใส่ แม่บอกว่าเธอจะแทงคอฉัน พวกเขาบอกว่าจะทำลายเขา”

การถูกล่วงละเมิด

ปัญหา การถูกล่วงละเมิด ทีมสุขภาพจิตของมหาวิทยาลัยช่วยเหลือ

พริชา ติดต่อทีมสุขภาพจิตที่มหาวิทยาลัยของเธอและถูกขังไว้ในเซฟเฮาส์ที่กำหนดไว้ในห้องโถง “ พวกเขาให้ที่พักและอาหารแก่ฉันโดยที่พวกเขาไม่คิดเงินฉัน” เธอกล่าว

ดาน่า อายุ 22 ปีใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่นั่นด้วย แฟนเก่าโทรหาฉันตลอดและมาที่บ้านฉันและมันก็ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นั่น ฉันส่งอีเมลถึงยูนิและพวกเขาบอกว่าฉันสามารถมาได้ในเช้าวันรุ่งขึ้นและอยู่ฟรี มีคนมาช่วยฉันแกะกล่อง มันคือทุกสิ่งที่ฉันต้องการในตอนนั้น

ปัญหา การถูกล่วงละเมิด

โดยรวมแล้วมิดเดิลเซ็กซ์ให้ห้องพักแก่นักเรียนหกคนที่ประสบปัญหา การถูกล่วงละเมิด ที่บ้าน ผ่านการเชื่อมโยงกับสภา บาร์เน็ตต์ นอกจากนี้ยังมีการเสนอที่พักให้กับผู้หญิงในชุมชนที่หลบหนีความรุนแรงในครอบครัวระหว่างการแพร่ระบาด

มีบางอย่างที่คล้ายกันเกิดขึ้น เซนต์ แคทเทอรีน คอลเลจ, เคมบริดจ์ ซึ่งดำเนินการเป็นที่หลบภัยในช่วงที่เกิดโรคระบาด ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายนผู้หญิงและเด็ก 23 คนที่หลบหนี การล่วงละเมิด ในบ้านจะได้รับที่พัก

โดยมีประตูเหล็กอย่างแน่นหนาการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและแม่บ้านในสถานที่วิทยาลัยจึงสามารถเสนอแฟลตที่มีสวนล้อมรอบให้เด็ก ๆ เล่นได้โดยเป็นผู้หญิงโสดและแม่ที่มีลูกอายุต่างกัน ที่ใหญ่ที่สุดคือครอบครัวสี่คน เด็กอายุ 14 ปีคนหนึ่งซึ่งใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่นั่นกับแม่ของเธอกล่าวว่ามันทำให้เธออยากไปมหาวิทยาลัยและสมัครเรียนที่เคมบริดจ์ด้วยตัวเอง

หลายคนที่มีบุคคลที่ไม่เหมาะสมในชีวิตพยายามหาทางเลือกที่ปลอดภัยเช่นอยู่กับเพื่อนหรือญาติ มหาวิทยาลัยต่างๆเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญเนื่องจากในระหว่างการปิดตายเส้นทางหลบหนีแบบเดิม ๆ เช่นนี้หายไป มีการลดจำนวนตำแหน่งผู้ลี้ภัยทั่วประเทศลง 40.6%

การล่วงละเมิดเลวร้ายลง

มากกว่า 60% ของผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับผู้ถูกทำร้ายกล่าวว่า การล่วงละเมิดเลวร้ายลง โครงการ Counting Dead Women ประมาณการว่ามีผู้หญิง 26 คนถูกฆ่าโดยคู่ของพวกเขาหรืออดีตคู่หูของพวกเขาในช่วงเวลาที่ถูกปิดตายเจ็ดสัปดาห์

ฟิโอน่า ดายเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ โซเลซ กล่าวว่า มันยอดเยี่ยมมากที่พวกเขาใช้มันในลักษณะนี้ ความเป็นจริงของสถานการณ์ก็คือในวันใดวันหนึ่งผู้หญิงสองในสามต้องถูกเมิน [จากผู้ลี้ภัย] เพราะขาดอุปทาน ความต้องการมีมากและพวกเขาจำเป็นต้องได้รับโอกาสในการหลบหนี

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทยในยุคปัจจุบัน

การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทยมีหลายระดับ จุดสำคัญของการปฏิรูป คือ การเรียนของเด็ก การสอนของครูและการผลิตครูที่มีคุณภาพ ในอดีตเรามักจะมองว่าครูเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของเด็ก แต่ในปัจจุบันเด็กเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา

ซึ่งครู อาจารย์ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต้องเปิดโลกกว้างให้เด็กออกไปเรียนรู้มากขึ้นแทนที่จะให้เด็กเรียนอยู่แต่ภายในห้องเรียนเท่านั้น

การปฏิรูประบบการศึกษา ที่ต้องเน้นทักษะความสามารถของเด็ก

การปฏิรูประบบการศึกษา ในปัจจุบันเด็กไทยมีเนื้อหาที่ต้องเรียนมาจากหลักสูตรที่อิงมาตรฐาน หรือที่เรียกว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ค่อนข้างเยอะ ซึ่งหลักสูตรที่อิงมาตรฐานนี้ มีการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของแต่ละกลุ่มสาระ ซึ่งเราให้ความสำคัญในรายวิชาและทักษะความสามารถย่อยๆ มากกว่าทักษะความสามารถหลักที่เด็กควรได้รับ เมื่อเด็กเรียนจบการศึกษาแล้ว ปัญหาที่พบคือ เด็กไม่สามารถทำสิ่งอื่นได้ในหลายๆ อย่างที่ควรทำได้ ทั้งที่เด็กเรียนรู้จากทุกกลุ่มสาระที่มีอยู่ในโรงเรียน

              จากการสำรวจครูและเด็กไทย พบว่า ครูมีความกังวลในเรื่องเวลาและเนื้อหาการสอนที่ค่อนข้างมาก ครูจึงใช้วิธีบอกความรู้แก่นักเรียนโดยตรง การทำเช่นนี้ เป็นวิธีการที่เด็กไม่มีความสามารถรู้จักคิด วิเคราะห์และสังเคราะห์ในแต่ละรายวิชาด้วยตนเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กมีความวิตกกังวลในการสอบ และผลที่ตามมา คือ เด็กจะหาวิธีการทำข้อสอบด้วยตนเองให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนใจวิธีการที่ได้มา ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลต่อการทุจริตในการสอบของเด็กได้

การปฏิรูประบบการศึกษา ที่ครูมีความกังวล

              ทางออกใน การปฏิรูประบบการศึกษา ของเด็กไทย คือ การพัฒนาหลักสูตรจากสมรรถนะ เป็นการฝึกอบรมที่อิงสมรรถนะขั้นต้น ทำให้เกิดความสามารถหลักแก่เด็กและเป็นความสามารถที่สังเกตได้ เช่น เด็กวัยระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 มีความสามารถในการคิดคำนวณ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาที่สอง มีทักษะในการดูแลตนเองและช่วยเหลือครอบครัว การมีค่านิยมที่ดีต่อการเป็นพลเมืองที่ดี เช่น การมีวินัย ความซื่อสัตย์ รวมทั้งการสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งการสร้างสมรรถนะเหล่านี้จะสร้างขึ้นตามความสามารถและความสนใจของเด็กเป็นหลักนั่นเอง

ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

การสอบ ที่เหลือเวลาเพียงแค่วันเดียว ควรเตรียมตัวกับการสอบอย่างไรดี

ในวันสุดท้ายก่อนที่จะมี การสอบ มักจะเป็นวันที่หลายคนมีความกังวลค่อนข้างสูง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวก่อนสอบอย่างไรดี ยิ่งถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำข้อสอบได้ ก็ยิ่งลนลานมากขึ้นไปอีก ทำให้ต้องพยายามอัดเนื้อหาความรู้ในจังหวะสุดท้ายนี้ให้คุ้มค่าที่สุด อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจว่าทำเต็มที่ พร้อมกับหวังว่าจะอ่านตรงกับข้อสอบพอดิบพอดี ซึ่งร้อยทั้งร้อยมักจะไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไรนัก

การสอบ

การสอบ กับการเตรียมตัวที่ดีและเทคนิคการจดจำเนื้อหา

การเตรียมตัวก่อน การสอบ ที่ดีจึงต้องทำตั้งแต่เนิ่นๆ คือพอเห็นตารางสอบแล้ว ควรวางตารางสำหรับอ่านทบทวนเนื้อหา และเริ่มลงมือทำทันที เพื่อให้ภาระและความกังวลทั้งหมดไม่มาตกอยู่ในช่วงท้าย แล้ววันสุดท้ายจะได้ทำส่วนที่ควรจะทำจริงๆ ระยะเวลาที่เหมาะสมกับการเตรียมตัวก็แล้วแต่เนื้อหาวิชาที่เรียน อาจจะประมาณ 1-2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นได้ ขอแค่ให้ได้ทำทุกวัน ในลักษณะที่ไม่หักโหมจนเกินไปก็พอ

การเตรียมตัวก่อน การสอบ

              ทีนี้เมื่อเหลือเวลาเพียงวันเดียวก่อน การสอบ มันจะไม่ใช่ช่วงที่เรามาเตรียมตัวก่อนสอบแบบหนักหน่วงกันอีกแล้ว แต่จะแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ถ้าก่อนหน้านี้มีการเตรียมตัวมาดีมาก เข้าใจและจดจำเนื้อหาส่วนสำคัญได้ดี วันนี้ก็จะเป็นวันพักผ่อนที่ไม่ควรแตะต้องหนังสืออีกเลย ให้สมองได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ก่อนจะเจอศึกหนักในอีกหลายวันหลังจากนี้

การสอบ การทบทวนเนื้อหา

              แต่ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเตรียมตัวก่อนสอบมาดีพอ ก็ให้ใช้วันนี้เป็นการทบทวนแบบสรุปทุกรายวิชา ก่อนที่จะทำ การสอบ อาจจะมีการอ่านหัวข้อเพียงอย่างเดียว แล้วลองนึกดูว่าเราจดจำเนื้อหาส่วนไหนได้บ้าง อาจจะเป็นการสุ่มแบบทดสอบหรือแบบฝึกหัดขึ้นมาลองทำดูก็ได้ อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นก็ควรจะยุติทุกอย่าง แล้วหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำแทนทันที เปลี่ยนไปดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นกีฬาเบาๆ จากนั้นให้จัดเตรียมข้าวของที่ต้องใช้ในวันรุ่งขึ้น อย่ามาเร่งจัดในตอนเช้า แล้วก็ควรเข้านอนเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ที่ไม่ยากเกินเอื้อม

สมัยก่อนการไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร และเด็กที่จะสามารถไปได้ หากไม่เก่งมากๆ ทางบ้านก็ต้องมีความพร้อมที่จะสนับสนุน

แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว หลายประเทศมอบทุนมหาศาลให้เด็กต่างชาติ อย่างทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ที่มีชื่อเรียกว่า Holland Scholarship ก็เป็นอีกหนึ่งทุนที่น่าสนใจแล้วก็ค่อนข้างเปิดกว้างทีเดียว แต่เบื้องต้นต้องเป็นเด็กต่างชาติ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพลเมืองของประเทศกลุ่ม EEA ซึ่งเด็กไทยก็มีสิทธิเต็มที่เลย อยู่ที่ว่าคุณสมบัติปลีกย่อยอื่นๆ จะผ่านหรือไม่

Holland Scholarship

Holland Scholarship เงินสนับสนุนการเข้าศึกษา

Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ ตัวนี้จะเปิดรับเป็นประจำทุกปี โดยช่วงนี้ก็ใกล้จะเปิดรับสมัครเต็มทีแล้ว ประจำปีการศึกษา 2021-2022 ก็ให้เริ่มหาข้อมูลและลงสมัครได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป รายละเอียดหลักของทุนก็คือ จะมอบเป็นเงินสนับสนุนการเข้าศึกษาในปีการศึกษาแรก มียอดประมาณ 185500 บาท หรือเท่ากับ 5000 ยูโร ซึ่งก็เป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับนักเรียนที่สนใจ ในระดับชั้นปริญญาตรีและปริญญาโทหลากหลายสาขาวิชา

Holland Scholarship มีมหาวิทยาลัยเข้าร่วม

               แม้ว่า Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์ตัวนี้ จะไม่ได้เป็นการส่งเสียให้เรียนจนจบหลักสูตร แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี เพราะมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมหลายแห่ง ผู้ขอทุนสามารถเลือกได้เอง เพียงแค่มีคุณสมบัติตรงตามที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งกำหนดเท่านั้น และด้วยความที่เป็นทุนระยะสั้น ไม่ได้ให้ทั้งหมด เงื่อนไขในการขอรับทุนจึงไม่มากนัก นับว่าเปิดกว้างกับเด็กหลายกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะเด็กเรียนหรือเด็กกิจกรรมที่มีผลงานโดดเด่นเพียงอย่างเดียว

              อีกคำถามหนึ่งสำหรับเด็กๆ ที่สนใจ Holland Scholarship ทุนเรียนต่อเนเธอร์แลนด์อันนี้ก็คือ เมื่อเข้าไปเรียนและรับทุนไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจะหาค่าเล่าเรียนอย่างไร ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่ควรกังวลอยู่เหมือนกัน แต่ภายในมหาวิทยาลัยมักจะมีทุนภายในอยู่แล้ว เราสามารถยื่นขอต่อจากนั้นได้ หรือสอบถามจากรุ่นพี่ในการทำกิจกรรมพิเศษหรือช่องทางหารายได้ที่สามารถทำได้อย่างถูกต้องในขณะที่เรียนอยู่ก็ได้เช่นกัน

ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมในวัยเรียน จริงหรือไม่? ท้องได้ ก็เลี้ยงได้ ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ประเทศไทยนับได้ว่ามีสถิติการตั้งครรภ์ไม่พร้อมสูงเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีวลีหนึ่ง จากเด็กวัยเรียนที่มี การตั้งครรภ์ ก่อนวัยอันควร ด้วยแคปชั่นว่า “ท้องได้ ก็เลี้ยงได้ ”

ซึ่งแม้จะเป็นวลีที่ดูเหมือนเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าการจะเลี้ยงเด็กสักหนึ่งคนเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ฉะนั้นในวันนี้เราจะมาดูว่าหากมี การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมแล้วเลือกจะเก็บเด็กเอาไว้ น้องๆจะพบกับปัญหาอะไรตามมาบ้างหลังจากนั้นมาดูกันเลย

การตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย

เสียโอกาสการเรียน

การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาข้อแรก คือ เสียโอกาสการเรียน เพราะเวลาตั้งครรภ์ 9 เดือน รวมพักฟื้นหลังคลอด

ยังไม่รวมถึงการเลี้ยงดูทารกที่ต้องใช้เวลาแรมปี ฉะนั้นหากน้องๆ ตั้งครรภ์เมื่ออยู่ในวัยมัธยมก็อาจต้องเปลี่ยนแผนไปเรียน กศน.แทน หรือหากอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัย ก็ยังสามารถกลับมาเรียนได้แต่อาจต้องบริการจัดการเวลาให้ดี

ค่าใช้จ่าย

การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาข้อที่สอง คือ มีค่าใช้จ่าย เพราะการจะเลี้ยงเด็กสักหนึ่งคนให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ต้องหมดค่าใช้จ่ายมากกว่าล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อตั้งครรภ์ไม่พร้อม

ในขณะที่ตัวน้องๆ เองยังไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ การจะหาทุนทรัพย์มาเลี้ยงลูกย่อมยากลำบาก ซึ่งหากทางบ้านไม่มีฐานะก็ยิ่งเพิ่มอุปสรรคเป็นสองเท่าตัว น้องๆอาจจะต้องทำงานอย่างหนัก จนถึงขั้นสละการเรียนไปก็เป็นได้

เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว

การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมจะเกิดปัญหาข้อที่สาม คือ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เนื่องจากรักในวัยเรียนนั้นเป็นความรักที่เกิดจากความรู้สึกเกือบ 80-90% แต่ความรักในโลกแห่งความเป็นจริงมีองค์ประกอบมากกว่านั้น ทำให้หลายคู่เมื่อมีลูกและต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน อีกทั้งต้องแบกความรับผิดชอบที่เกินวัย ทำให้หลายคู่ต้องแยกทาง และผู้หญิงมักจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงลูก ซึ่งจะยิ่งเพื่อเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นไปอีก

จากปัญหาที่กล่าวมา คือ ปัญหาจาก การตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมในวัยเรียนนี้จึงอยากให้น้องๆเห็นว่าความสนุกเพียงชั่วคราวในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจะคุ้มหรือไม่หากต้องแลกกับความลำบากอีก 20 ปีกว่าปี และคิดว่าคุ้มหรือไม่หากเราสร้างทรัพยากรมนุษย์ขึ้นมาแต่เป็นภาระของสังคม ฉะนั้นทุกสิ่งเหล่านี้สามารถยับยั้งได้ทั้งหมดด้วยการสวมถุงยางอนามัยป้องกัน

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

การเรียนภาษา ที่ 2 มีความจำเป็นและเพื่อความก้าวหน้าในงานที่คุณทำได้อย่างไร

เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปอยู่แล้วว่า หากคุณต้องการความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การเรียนภาษา ที่ 2 และ 3 สำคัญมากที่จะช่วยต่อยอดให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการเรียนภาษาที่ 2 ที่พนักงานบริษัทให้ความสนใจเรียนกันมากได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน

เนื่องจากมีบริษัทสัญชาติเหล่านี้เข้ามาประกอบธุรกิจกันมากในประเทศไทยและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นในทุกปี จึงเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้ร่วมงานกับบริษัทข้ามชาติเหล่านั้น  แล้วความก้าวหน้าในหน้าที่การงานจะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าคุณได้เรียนภาษาที่ 2

การเรียนภาษา

การเรียนภาษา ที่มีข้อดีและสำคัญต่อการทำงานมาก

การสื่อสาร จำ้ป็นต้องมี การเรียนภาษา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน  หากคุณต้องการความก้าวหน้าหรือการก้าวกระโดดในงานที่ร่วมทำกับบริษัทต่างชาติ คุณควรเรียนภาษาที่ 2 เพื่อให้เจ้านายเห็นศักยภาพในตัวคุณที่สามารถสื่อสารทำความเข้าใจกับเจ้านายหรือแม้แต่ลูกค้าได้จนงานประสบผลสำเร็จ

เมื่อเจ้านายเห็นศักยภาพของคุณก็จะมอบหมายงานที่ใหญ่ขึ้นให้คุณรับผิดชอบ สร้างความเชื่อมั่นเชื่อใจในตัวคุณให้เห็นแก่สายตาของเพื่อนร่วมงานผู้บริหารและลูกค้า   แล้วรางวัลผลตอบแทนก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง รายได้ และชื่อเสียง รวมทั้งความก้าวหน้าในหน้าที่การงานจากการที่คุณได้เรียนภาษาที่ 2 เพิ่มเติม

คุณบางคนอาจคิดว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความก้าวหน้าในการทำงานกับบริษัทต่างชาติที่คุณทำงานอยู่ด้วย การเรียนภาษา ที่ 2  แต่ การเรียนภาษา ที่ 2 และ 3 จะเป็นลู่ทางหรือเพิ่มโอกาสให้คุณมากขึ้นในการสมัครงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือสามารถไปทำงานในต่างประเทศได้ หากการไปทำงานในต่างประเทศเป็นความฝันของคุณ

การเรียนภาษา เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ

นอกจาก การเรียนภาษา ที่ 2 หรือ 3 เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานแล้ว  คุณควรเรียนรู้วัฒนธรรมและมารยาทการทำธุรกิจในภาษานั้นๆ ด้วย  ภาษาที่แตกต่างกันย่อมมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปด้วย เช่น มารยาทการทำงานของญี่ปุ่นคุณควรแลกนามบัตรในการเจอกันครั้งแรกเพื่อเป็นการแนะนำตัวทางธุรกิจ เป็นต้น

ติดตามข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นสำคัญ ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้

การเรียนสายสาธิต เป็นการเรียนรู้ผ่านโครงการต่างๆ

การเรียนสายสาธิต คือ การเรียนแนวบูรณาการ ซึ่งจะไม่ค่อยเน้นในเรื่องของวิชาการสักเท่าไร โดยการเรียนการสอนแบบสายสาธิตนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นให้เด็กเรียนรู้ผ่านโครงงานต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้ใช้ทักษะเชาว์ปัญญาในการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ การสังเกต และลงมีปฏิบัติจริง อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กมีความคิดที่แตกต่างหรือใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ทำให้เขาพร้อมที่จะกล้าแสดงออกความคิดเห็นของตนเองออกมา

การเรียนสายสาธิต

การเรียนสายสาธิต การเรียนรู้แบบบูรณาการ ฝึกการคิดวิเคราะห์

โดย การเรียนสายสาธิต นี้มักเน้นให้เด็กได้พูดคุยและแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ออกมา เกี่ยวกับการเรียนนั้น ๆ ก็ยิ่งทำให้นักเรียนมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เหมือนเป็นการต่อยอดในอนาคตของพวกเขา เวลาที่เจอเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจหรือจะลงมือทำอะไรสักอย่าง พวกเขาก็จะมีขบวนการทางความคิดและวางแผนอย่างเป็นระบบ จากประสบการณ์ที่ได้ทดลองลงมือทำจริง นอกจากนี้ความคิดความอ่านก็จะมองไปไกลกว่า เหมือนกับสายสาธิตที่พวกเขาได้เรียนมานั่นเอง

การเรียนสายสาธิต การเรียนรู้แบบบูรณาการ

               ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนสาธิต นั้นถือว่ามีความนิยมเป็นอันดับ  1 เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยแผนการเรียนการสอนที่ไม่ค่อยหนักเหมือนพวกสายวิชาการ อีกทั้งยังเป็นการเรียนแบบบูรณาการที่ทำให้เด็กได้ใช้ความคิดของตัวเอง รวมไปถึงการลงมือปฏิบัติงานต่าง ๆ จึงทำให้เด็กเกิดความเข้าใจได้ง่ายกว่าและมีความสุขกับการเรียน เพราะฉะนั้นทำให้การสอบเข้านั้นเป็นเรื่องยากมากพอสมควร และเด็กที่จะสอบเข้าสายสาธิตนี้ได้ ต้องมีความเก่งในเรื่องของ เชาว์ปัญญา การสังเกต การคิดวิเคราะห์ รวมไปถึงการฟัง ซึ่งทักษะพวกนี้ต้องใช้ในการเรียนแนวสายสาธิต ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

การเรียนสายสาธิต ได้รับความนิยมเป็นอันดับ  1

              แต่ถ้าหากสามารถสอบเข้าโรงเรียนสายสาธิตนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายไหนก็ตาม รับรองว่าลูกของเราเขาก็จะสนุกกับการเรียนแนวนี้อย่างแน่นอน แต่เด็กบางคนก็ใช่ว่าจะเรียนได้ เพราะเขาอาจจะถนัดในด้านของวิชาการมากกว่า การใช้เชาว์ปัญญา ซึ่งการที่เราจะพาลูกของเราไปสอบ ก็ควรดูให้ออกว่าเขาเหมาะกับด้านไหนมากกว่ากัน เราจะได้สนับสนุนเขาให้ถูกทางนั่นเอง และเตรียมตัววางแผนการเรียนเผื่อที่จะไปสอบเข้าเรียน ป. 1

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

การเรียนสายคาทอลิก คืออะไร และส่งผลดีอย่างไร

การเรียนสายคาทอลิก หลายคนก็คงได้ยินชื่อมาบ้างแล้ว ซึ่ง การเรียนสายคาทอลิก นั้นคือการเรียนแนวทางด้านวิชาการ โดยเน้นในเรื่องของการอ่านออกเขียนได้เป็นหลัก และรวมไปถึงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ได้ออกมานั้นค่อนข้างจะเข้มงวดนิดหนึ่ง

แต่โดยรวมแล้ว หากจบจาก โรงเรียนสายคาทอลิก นี้ไป พวกเขาก็จะมีระเบียบวินัยรวมไปถึงเรื่องของเวลา ที่สามารถรับผิดชอบได้อย่างดี

การเรียนสายคาทอลิก

การเรียนสายคาทอลิก หล่อหลอมความเป็นผู้นำ และช่วยสร้างระเบียบวินัย

ซึ่ง การเรียนสายคาทอลิก ก็เหมือนเป็นการสร้างพลังในตัวเด็ก ที่ต้องได้เรียนรู้ในเรื่องของความอดทน ความยากลำบาก ความแกร่ง ที่พวกเขาต้องเจอนอกจากการเรียนในด้านวิชาการด้วย สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยหล่อหลอมลูกของเราให้เขามีความเป็นผู้นำ สุขุม รอบคอบ และเมื่อเวลาที่เจอกับปัญหาหรือเรื่องที่ทำให้เขาลำบาก เขามักจะผ่านมันได้เสมอ อีกทั้งในเรื่องของการสอนให้เด็กรู้จักนอบน้อมถ่อมตน สอนให้เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เมื่อพวกเขาโตขึ้นก็จะมีสิ่งนี้ติดตัวไปตลอดชีวิต

การเรียนสายคาทอลิก หล่อหลอมความเป็นผู้นำ

ถึงแม้ว่า การเรียนสายคาทอลิก ดูเหมือนจะยาก แต่เด็กที่เขาเหมาะกับทางด้านนี้ รับรองว่าไม่น่าจะมีปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน ถึงการเรียนจะค่อนข้างหนักก็ตาม แต่พวกเขาก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งเด็กที่เข้ามาเรียนในด้านสายคาทอลิกนี้ได้ ก็ต้องมีการสอบเข้าเหมือนกัน หากพวกเขาสามารถที่จะสอบผ่านได้ด้วยฝีมือตนเอง พวกเขาก็สามารถที่จะเรียนในด้านนี้ได้อย่างสบายเลย

การเรียนสายคาทอลิกเน้นวิชาการ

 แต่ก็มีผู้ปกครองบางคนก็อยากจะให้ลูกของตัวเองมาเรียนสายคาทอลิก แต่การที่จะเรียนด้านนี้ได้ก็ต้องมีพื้นฐานการเรียนที่ค่อนข้างดีมาก่อนอยู่แล้ว มิใช่ว่าลูกของเราไม่ถนัดในด้านของวิชาการแต่ก็อยากจะส่งให้เรียน และมักคิดว่าเด็กสามารถที่จะรับมือกับเรื่องนี้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดมากเพราะจะทำให้เขาไม่มีความสุขกับการเรียน หากเป็นเช่นนี้รับรองว่าพวกเขาก็จะไม่มีความสุขกับการเรียนเลย เพราะเขาไม่ได้ถูกฝึกมาทางสายนี้ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในภายภาคนี้ได้  

ติดตามข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นสำคัญ ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้

วิธีรับมือกับการบูลลี่ ในโรงเรียน การแก้ปัญหาการบูลลี่การโดนกลั่นแกล้ง!!

      ไม่ว่าขณะนี้คุณจะเป็นใคร นักเรียน  นักศึกษา  คนทำงาน หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง  คงเคยได้ยินข่าวการบูลลี่ในโรงเรียนมามากมาย  หรือแม้แต่อาจเคยมีประสบการณ์เจ็บช้ำน้ำใจ

การแก้ปัญหาการบูลลี่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร  คำตอบแรกก็คือเลิกทนและเรียนรู้วิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง           

การบูลลี่

การแก้ปัญหาการบูลลี่ ในโรงเรียน

     การบูลลี่  วิจัยมาแล้วว่าเด็กไทยโดนบูลลี่หรือถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมากที่สุดเป็นอันดับ  2  ของโลก  ดังนั้นมาช่วยกันลดการบูลลี่ในไทยกันเถอะครับ             

     การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับแรก คือ ลดความเครียด ถ้าโดนเพื่อนแกล้ง  ทำไงดี?  อันดับแรกก็คือต้องลดความเครียดและเบี่ยงเบนความคิดด้อยค่าที่รู้สึกเมื่อถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่างๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ  เช่น  ฟังเพลง  ดูหนัง  อ่านหนังสือ  ปลูกต้นไม้  ทำอาหาร  ออกกำลังกาย  หรือออกไปเที่ยว

การรักตัวเอง

     การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่สอง คือ การรักตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นใครหรือเป็นอย่างไร  เราควรรักและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น  เราไม่ได้ทำอะไรผิด  ใครไม่รักไม่ชอบไม่ใช่ปัญหาของเรา  แต่เป็นปัญหาของเขา  ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์มาทำให้เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเองครับ

     การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่สาม คือ แสดงความรู้สึก การแสดงออกถึงความไม่พอใจรวมถึงสื่อสารว่ารู้สึกอย่างไรกับการโดนบูลลี่  จะทำให้ผู้ที่กลั่นแกล้งรับรู้ถึงความไม่พอใจและตระหนักในผลกระทบที่อีกฝ่ายได้รับ  มีแนวโน้มที่จะลดพฤติกรรมไม่ดีลง  ในทางกลับกันหากเอาแต่ทน  ผู้ที่กลั่นแกล้งก็จะยิ่งได้ใจและกระทำซ้ำๆ ต่อไป      

ถูกกลั่นแกล้ง

     การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่สี่ คือ ร้องเรียน  ถูกกลั่นแกล้ง ควรร้องเรียนครูอาจารย์ที่โรงเรียนรวมถึงผู้ปกครองให้รับทราบ  เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขอย่างตรงจุด  ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรสอนลูกให้สู้คนครับ      

     การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่ห้า คือ การมีไอดอล ที่มีลักษณะเหมือนกันกับเรา  (ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด  นักร้อง  นักแสดง  คนดังในสังคม)  เช่น  ผิวคล้ำเหมือนกัน  อ้วนเหมือนกัน  ฐานะทางบ้านไม่ดีเหมือนกัน  จะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ลำพัง  ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งอยู่คนเดียว  รู้สึกมีค่ามากขึ้นด้วย 

     ซึ่งไอดอลที่มีลักษณะเหมือนเรา  เขาสามารถก้าวผ่านการถูกบูลลี่และมีชีวิตที่สดใสประสบความสำเร็จได้  เราก็ต้องทำให้ได้อย่างเขา

การไม่บูลลี่ต่อ

     การแก้ปัญหาการบูลลี่ อันดับที่หก คือ การไม่บูลลี่ต่อ การบูลลี่ก็เหมือนกับโดมิโน  เมื่อใครถูกกลั่นแกล้งแล้วก็มีแนวโน้มที่จะกลั่นแกล้งผู้อื่นต่อไปเป็นทอดๆ  เพื่อปลดปล่อยความคับแค้นเจ็บปวดของตน  ซึ่งมีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลการศึกษา ได้ที่เว็บไซต์นี้

การบูลลี่ คืออะไร? มาทำความเข้าใจเพื่อลดการบูลลี่ในสังคมไทยกัน

     สังคมจะดีได้  อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  ผู้คนต้องไม่ทำร้ายกันทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ  ดังนั้นเรามาช่วยกันหยุดการบูลลี่ในสังคมไทยกันเถอะครับ        

  • บูลลี่  คืออะไร?

      การบูลลี่  คือ  พฤติกรรมการกลั่นแกล้งข่มเหงที่ใช้ความรุนแรงด้วยคำพูดหรือการกระทำ  ซึ่งสร้างผลกระทบให้ผู้ที่ถูกกระทำเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ 

การบูลลี่

ประเภทของการบูลลี่ 

การบูลลี่ ด้วยคำพูด คือ  การใช้คำพูดที่รุนแรงทำร้ายจิตใจ  (เช่น  เย้าแหย่  ล้อเลียน  ดูถูก)  อาจเป็นการบูลลี่รูปร่างลักษณะหรือล้อเลียนรูปลักษณ์ภายนอก  เช่น  น้ำหนัก  ส่วนสูง  เชื้อชาติ  เพศ  ลักษณะภายนอกที่ไม่ตรงกับเพศสภาพ  สีผิว  ลักษณะผิวหนัง  แผลเป็น  หรือแม้แต่ความพิการ

การบูลลี่ ด้วยกำลัง คือ  การใช้กำลังทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงแก่ชีวิต

การบูลลี่ ทางสังคม คือ  การแบ่งชนชั้นหรือกีดกันทางสังคมในสถานที่ต่างๆ  เช่น  การแบ่งแยกลูกคนรวยกับลูกคนจนในสถานศึกษา  การกดดันให้ต้องออกจากกลุ่มหรือชมรม  การโดนกลั่นแกล้งจากหัวหน้างานในที่ทำงาน      

การบูลลี่ ทางโลกโซเชียล คือ  การประจานหรือใส่ร้ายป้ายสีเพื่อให้เกิดความอับอายหรือเสื่อมเสียในโลกโซเชียล  ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้

ประเภทของการบูลลี่
  • สาเหตของการบูลลี่

1.  มีความบกพร่อง ความจริงก็คือผู้ที่ชอบบูลลี่หรือกลั่นแกล้งผู้อื่นก็คือผู้ที่มีความบกพร่องทางจิตใจ  เช่น  อีโก้สูงเกินไป  อาจเคยถูกบูลลี่มาก่อน  มีปมด้อยบางอย่าง  (เช่น  หน้าตาไม่ดี  ยากจน  เรียนไม่เก่ง)  จึงต้องการระบายอารมณ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่ตนเห็นว่าด้อยกว่า  อ่อนแอกว่า  หรือไม่โต้ตอบ

2.  ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่นิยมอารมณ์ขันและความบันเทิง  ดังนั้นจึงอาจ  “พลาด”  และ  “เผลอ”  บูลลี่ผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน  สร้างสีสันให้แก่วงสนทนา  รวมถึงอาจคิดเองเออเองว่าผู้ที่ถูกพาดพิงหรือถูกกลั่นแกล้งไม่รู้สึกอะไร  ดังนั้นข่าวการบูลลี่  การบูลลี่ในโรงเรียนหรือในที่ทำงาน  จึงมีให้เห็นทั่วไปจนกลายเป็นความเคยชินครับ       

สาเหตของการบูลลี่
woman feel depression and sit on the chair
  • ผลกระทบของการบูลลี่ที่ส่งผลร้ายแรง

–  การรู้สึกด้อยค่า  ไร้ความมั่นใจ  ไร้ความนับถือในตัวเองมากขึ้น

–  การมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงหรือพึ่งพายาเสพติดในการแก้ไขปัญหา

–  การมีแนวโน้มที่จะบูลลี่ผู้อื่นต่อไปเป็นทอดๆ เพื่อบรรเทาความคับแค้นใจของตน

–  การมีแนวโน้มไปสู่โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายในที่สุด

ผลกระทบของการบูลลี่ที่ส่งผลร้ายแรง

     เพราะฉะนั้นเมื่อรู้แล้วว่าผลกระทบของ การบูลลี่ สาหัสสากรรจ์เพียงใด  เราก็ไม่ควรนำตัวเองให้เป็นผู้สร้างการบูลลี่ในสังคม  ไม่ว่าจะเป็นสังคมระดับไหนก็ตาม  รวมถึงต้องไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของการถูกบูลลี่  และตระหนักในการแก้ปัญหาการบูลลี่ในสังคมให้มากขึ้นอีกด้วยครับ

ติดตามข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นสำคัญ ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้

ข่าวการศึกษาไทย ข้อมูลการเรียน การศึกษาต่อ กศน ปวช ปวส ปตรี ล่าสุด เว็บไซต์ข่าวการศึกษาไทย

ข่าวการศึกษาไทย ข้อมูลการเรียน ข้อมูลด้านการเรียน เรื่องราวเกี่ยวกับการสอบ การศึกษาในระบบโรงเรียน และการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ข้อมูลปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการศึกษา การจัดการเรียนการสอน และปัญหาในแวววงการศึกษาไทย รวมทั้งการจัดการเรียนการสอน

ข่าวการศึกษาไทย ข้อมูลการเรียน ในรูปแบต่างๆ arab-games ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับแนวโน้มของการศึกษา

ข่าวการศึกษาไทย และปัญหาของนักเรียนทั้งในด้านที่ส่งผลดีและผลเสียที่ทำให้สังคมไทยยังต้องมีการปรับปรุงระบบการศึกษาไทยให้ก้าวทันต่อสังคมในยุคปัจจุบัน ข่าวการศึกษาไทย และเรายังรวบรวมข่าวด้านการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข้อมูลทุนการศึกษาต่างๆ เพียงแค่คุณเข้ามาที่ ข่าวการศึกษาไทย คุณจะทราบข่าวสารด้านการศึกษาอย่างแน่นอน

ข่าวการศึกษาไทย arab-games.net300

 

Tags

การบูลลี่ การประกอบอาชีพ การพูด การวางแผน การศึกษา การศึกษาของไทย การศึกษายุคใหม่ การศึกษาสายอาชีพ การสอบ การสื่อสาร การสื่อสารภาษาอังกฤษ การอ่าน การอ่านหนังสือ การเตรียมตัวสอบ การเรียน การเรียนการสอน การเรียนภาษา การเรียนรู้ การเรียนออนไลน์ ข่าวการศึกษาไทย ความคิด ความจำ ความรู้ ด้านการศึกษา ตำราเรียน ทักษะการเรียน นักอ่าน ประสบการณ์ ผู้เรียน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัย วรรณกรรมเยาวชน วัยเรียน วิธีเรียนออนไลน์ให้สนุก วิธีแก้ปัญหานักเรียนไม่เรียนออนไลน์ สมอง อ่านหนังสือ เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษ เทคนิคการเรียนเก่ง เทคโนโลยี เป้าหมาย เรียนออนไลน์ โรคระบาด

ขอบคุณเพื่อนบ้าน เว็บสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ข้อมูลข่าวสารดีๆมาตลอดอย่าง http://www.alupkame.info เว็บแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก