นอกเหนือไปจากกลุ่มวิชาคำนวณที่ต้องคิดเลขกันจนหัวฟูแล้ว วิชาประวัติศาสตร์ ก็ติดอันดับรายวิชาที่เด็กไม่ปลื้มกับเขาด้วย เนื่องจากมีเนื้อหาค่อนข้างมาก ต้องท่องจำเยอะเหลือเกิน
โดยเวลาสอบก็มักจะเป็นคำถามที่เน้นจำเพื่อตอบ มากกว่าการวิเคราะห์สถานการณ์ แนวทางในการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ มันจึงเป็นไปในลักษณะของการท่องไปจนกว่าจะจำได้ สอบเสร็จก็โยนความรู้ทิ้งไปหมดจดภายในวันเดียวได้เลย

วิชาประวัติศาสตร์ มีความน่าสนใจซ่อนอยู่ในเรื่องเล่ามากมาย
แต่เมื่อหลุดพ้นจากการเรียน วิชาประวัติศาสตร์ เพื่อแลกเกรดมาแล้ว ถึงได้รู้ว่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์มีความน่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย หนังสือบางเล่มเขียนได้น่าติดตามยิ่งกว่านิยายเสียอีก แล้วก็มีแง่คิดให้เราสามารถปรับใช้กับชีวิตประจำวันในปัจจุบันได้ด้วย มีเด็กหลายคนที่สอบเกือบตกในรายวิชานี้ช่วงเรียน หันมาอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้านต่างๆ ที่มีความหนาหลายร้อยหน้า และบางคนยังบอกด้วยว่านี่เป็นหนังสือแนวที่ชื่นชอบที่สุด คำถามก็คือ ทำไมความรู้สึกถึงแตกต่างจากช่วงที่เรียนมากขนาดนั้น

ปัญหาการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ มันจึงอยู่ที่วิธีการสอนของครู บวกกับกฎเกณฑ์ในการออกข้อสอบเพื่อวัดผล การเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตให้สนุกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่จำเป็นต้องเตรียมตัวมาก ต้องคิดและวางแผนว่าจะนำเสนออย่างไรให้ลื่นไหล เล่าถึงจุดไหนก่อน จะเชื่อมไปที่ใด เพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังคิดตามพร้อมกับเกิดอยากจะถามโต้ตอบขึ้นมาได้ ไม่ใช่ว่าเปิดหนังสือแล้วอ่านไปตามนั้น หรือเพียงแค่สั่งให้ทำรายงานส่ง แล้วหวังว่าเด็กจะจำได้เอง

ลองดูตัวอย่างจากหนังอ้างอิงประวัติศาสตร์ ทำออกมาเท่าไรก็มักจะได้รับความนิยมเสมอ นั่นหมายความว่าครูเองก็สามารถทำให้การเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ กลายเป็นช่วงเวลาที่สนุกได้เหมือนกัน จุดสำคัญของ วิชาประวัติศาสตร์ อยู่ที่ทำยังไงให้นักเรียนอยากฟัง แล้วเอาไปพูดคุยกันต่อ นำสิ่งที่ได้ไปวิเคราะห์ตามความเข้าใจของตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ การเรียนครั้งต่อๆ ไป มันจะเป็นการต่อยอดความคิดของพวกเขา นอกจากเรียนสนุก ก็ยังเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นด้วย
ติดตามข่าวสาร ข้อมูลด้านการศึกษา ที่เราได้นำมาให้คุณถึงที่ในเว็บไซต์นี้